ดึงเอกชนญี่ปุ่นเพิ่มโอกาสส่งออกเอสเอ็มอี

นนทบุรี 25 ก.ค. – พาณิชย์หารือผู้ประกอบการญี่ปุ่นหาช่องทางเพิ่มโอกาสส่งออกให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมทบทวนตัวเลขส่งออกปีนี้โตร้อยละ 9 เอกชนไหวแค่ไหน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (HLJC) ระหว่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายโยชิฮิเดะ สึกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไทยได้แจ้งญี่ปุ่นถึงความสนใจในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และความตั้งใจมั่นที่จะผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญภายในปีนี้ ซึ่งญี่ปุ่นยินดีสนับสนุนไทยทั้ง 2 เรื่องนี้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม การประชุม HLJC ได้นำคณะผู้แทนกระทรวงพาณิชย์หารือกับบริษัทญี่ปุ่น เช่น บริษัท Spice Road ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารไทยที่มีสาขามากที่สุดในญี่ปุ่น ถึง 24 สาขา โดย 1 ใน 4 ได้รับตรา Thai Select ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพและมาตรฐานอาหารไทยจากกระทรวงพาณิชย์ และบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขาไปยังเมืองอื่น ๆ นอกจากโตเกียว แต่ปัจจุบันประสบปัญหาญี่ปุ่นยังกำหนดโควตาการนำเข้าข้าวหอมมะลิและภาษีนำเข้าสูงในสินค้าเกษตรและวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร อีกทั้งมีข้อกำหนดเงื่อนไขสูงในการให้วีซ่าแก่พ่อครัวแม่ครัว ต้องมีประสบการณ์การทำงานและมาตรฐานสูง ทำให้พ่อครัวแม่ครัวไทยไม่เพียงพอ โดยแจ้งบริษัทฯ ว่าไทยให้ความสำคัญกับการเจรจาผลักดันให้ญี่ปุ่นเปิดตลาดสินค้าเกษตรและบริการที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร ทั้งในกรอบการเจรจาเปิดเสรีเพิ่มเติมทวิภาคีกับญี่ปุ่น (JTEPA) และในกรอบ RCEP รวมทั้งจะส่งเสริมให้มีสถาบันผลิตพ่อครัวแม่ครัวอาหารไทยที่ได้มาตรฐานให้เพียงพอกับความต้องการของร้านอาหารไทยทั่วโลก และจะประชาสัมพันธ์ให้ตรา Thai Select เป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภคต่างชาติ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศได้อีกเป็นเท่าตัว และช่วยขยายโอกาสการส่งออกของสินค้ากลุ่มวัตถุดิบอาหาร เช่น เครื่องแกง เครื่องปรุง และผักผลไม้ไทยในญี่ปุ่น และต่างประเทศตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังหารือกับบริษัท Jupiter Shop Channel ซึ่งเป็น TV Shopping ใหญ่สุดในญี่ปุ่น และที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้นำสินค้าไทย อาทิ หมอนผ้าไหม น้ำหอมอโรม่า เครื่องประดับ และผลไม้ไทย มาจำหน่ายในรายการ โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายมะม่วงน้ำดอกไม้ 30 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง จึงเห็นว่า TV Shopping ในญี่ปุ่นเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกร เนื่องจากบริษัทฯ แจ้งว่าสินค้าเกษตรไทย เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน สับปะรด ตลอดจนผลิตภัณฑ์ OTOP สินค้าไลฟ์สไตล์ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน บริษัท Jupiter ก็มีการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทยเพื่อเปิดรายการ TV Shopping ในไทย หวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลด้วย 

ทั้งนี้ ยังแนะนำบริษัทฯ ให้ใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA ซึ่งญี่ปุ่นลดภาษีสินค้านำเข้าจากไทยแล้วกว่าร้อยละ 88 ของจำนวนสินค้ากว่า 9,000 รายการ อีกธุรกิจที่ได้มีโอกาสไปพบและเยี่ยมชมโรงงานการผลิตในช่วงระหว่างการเยือนญี่ปุ่นที่ผ่านมา คือ บริษัท Yamamori Inc. ซึ่งได้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตซอสโชยุและเครื่องปรุงอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย รวมทั้งมีการผลิตเครื่องแกงไทยในญี่ปุ่นโดยใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศไทย และยังมีธุรกิจร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น ซึ่งให้บริการโดยพ่อครัวแม่ครัวชาวไทย และได้รับตราสัญลักษณ์ Thai Select ของกระทรวงพาณิชย์ด้วย โดยล่าสุดทางบริษัทได้พัฒนาการผลิตสินค้านวัตกรรมประเภทอาหารสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ และอาจเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกวัตถุดิบให้ Yamamori Inc. เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นโอกาสในการก้าวไปสู่ธุรกิจบริการอาหารสำหรับผู้สูงอายุในญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่ตนได้มอบให้หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในการขยายตลาดญี่ปุ่น โดยเน้นด้านบริการ Elderly Care ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงมากในอนาคต เพื่อตอบรับกับการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างทบทวนตัวเลขการส่งออกปีนี้ใหม่ ทุกส่วนงานอยู่ระหว่างหารือหากจะให้ตัวเลขการส่งออกเติบโตถึงรัอยละ 9 จากเป้าหมายเดิมอยู่ที่ร้อยละ 8 จะต้องส่งออกเฉลี่ย  6 เดือนหลังต่อเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขมูลค่าดังกล่าวจะต้องหารือกับภาคเอกชนทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) ทางกระทรวงพาณิชย์จะเปิดใช้ศูนย์บิ๊กดาต้าที่จะเป็นศูนย์ข้อมูลที่จะรวบรวมข้อมูลด้านการค้าและแนวทางการค้าต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งจะเป็นประโยนช์การทำการค้าของไทยอย่างมาก. – สำนักข่าวไทย