แม่ดีเด่นปี 61 ‘แม่จ่าแซม’ แม่ของผู้เสียสละ

สำนักข่าวไทย 21 ก.ค.-สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ประกาศผลคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี61 รวม 225 คน ‘แม่ของจ่าแซม’ นาวาตรีสมาน กุนัน วีรบุรุษถ้ำหลวง ได้รับยกย่องเป็นแม่ของผู้เสียสละ ขณะที่ผลคัดเลือกลูกกตัญญูฯ รวม 109 คน  โดยจะเข้ารับประทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2561 รร.เซ็นทาราศููนย์ ราชการและคอนเวนชั่นเซนเตอร์ แจ้งวัฒนะ


รายงานข่าวจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ แจ้งผลการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2561 ว่า ในปีนี้ มีผู้ได้รับรางวัลรวม 225 คน โดยส่วนกลางมีจำนวน 115 คน ส่วนภูมิภาค 110  คน  ซึ่งปีนี้มีการพิจารณารางวัลพิเศษ แม่ของผู้เสียสละ มอบให้แก่ นางสำราญ กุนัน มารดาของนาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม อายุ 38 ปี อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือหน่วยซีล ซึ่งได้สละชีพกลางถ้ำหลวง ขณะไปปฏิบัติภารกิจร่วมช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่าอะคาเดมีและโค้ช  ที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย


สำหรับผู้ได้รับรางวัลในส่วนกลาง มีจำนวน 115 คน ประกอบด้วย 1.แม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม จำนวน 21 คน , 2.แม่ของลูกผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ 15 คน ,3.แม่ผู้มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียร  16 คน , 4.แม่ผู้เป็นเกษตรกร 18 คน , 

5.แม่ของผู้เสียสละ 5.1)แม่ของผู้เสียสละ ฝ่ายกองบัญชาการกองทัพไทย  2 คน 5.2)แม่ของผู้เสียสละฝ่ายทหารบก 6 คน 5.3)แม่ของผู้เสียสละฝ่ายทหารเรือ 3 คน 5.4)แม่ของผู้เสียสละฝ่ายทหารอากาศ 5 คน 5.5)แม่ของผู้เสียสละฝ่ายตำรวจ 8 คน 5.6)แม่ของผู้เสียสละฝ่ายอาสาสมัครและแม่ผู้เป็นอาสาสมัคร 20 คน –สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 8 คน -กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 6 คน -มูลนิธิอาสารักษาดินแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ 6 คน )


ส่วนภูมิภาค(ประจำจังหวัด) จำนวน 98 คน , ส่วนภูมิภาค (ประจำภาค) จำนวน 12 ภาค 12 คน 

และแม่ของผู้เสียสละเสนอเป็นกรณีพิเศษ ได้แก่ นางสำราญ กุนัน อายุ 64 ปี 

ขณะที่ผลการคัดเลือกลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2561 จำนวน 109 คน ใน 7 ประเภท ได้แก่ 

1.นักเรียน นักศึกษา จำนวน 25 คน 2.นักกีฬา 3 คน 3.ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ19 คน 4.นักร้อง นักแสดง ศิลปิน 15 คน 5.สื่อมวลชน 5 คน 6.ประชาชนทั่วไป 30 คน และ7.ลูกกตัญญูฯประจำภาคของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ 12 คน 

ทั้งนี้ ในวันที่12 สิงหาคม 2561 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จแทนพระองค์ ไปยัง รร.เซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ทรงเปิดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2561 ซึ่งสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระเกียรติคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง