นนทบุรี 17 ก.ค.-พาณิชย์เผยเอกชนใช้สิทธิ FTA และ GSP ช่วง 5 เดือนสูงถึง 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯมั่นใจปี 61 ทะลุเป้าขยายตัวไม่น้อยกว่าร้อยละ 9
นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในช่วง 5 เดือนแรกของปี (มกราคม-พฤษภาคม 2561) มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อยู่ที่ 28,030.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 76.22 ของมูลค่าการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไปยังประเทศคู่ภาคีความตกลง และเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 20.48
ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน (มูลค่า 10,524.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) จีน มูลค่า 7,050.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯออสเตรเลีย มูลค่า 3,924.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ญี่ปุ่น มูลค่า 3,029.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและอินเดีย มูลค่า 1,816.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ แยกตามรายประเทศพบว่าอยู่ที่ระดับ 2 หลัก ในทุกตลาดยกเว้นนิวซีแลนด์ที่อัตราการขยายตัวเป็นลบ โดยตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด คือ อินเดีย ซึ่งมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 28.48 รองลงมาคือ เกาหลีและจีน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 27.84 และ 27.43 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนของภาคเอกชนจีนอยู่ในภาวะชะลอตัว หากแต่การขยายการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นมีพลังขับเคลื่อนมากพอที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับออสเตรเลียซึ่งมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ประมาณการอัตราการขยายตัวของการนำเข้าสินค้าและบริการของจีนและออสเตรเลียปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 5.5 และ 4.2 ตามลำดับสะท้อนความต้องการบริโภคสินค้าและบริการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในปี 2561 ดังนั้น จีนและออสเตรเลียจึงยังคงเป็นตลาดเป้าหมายสำคัญนอกเหนือจากอาเซียน และญี่ปุ่นซึ่งเป็นคู่ค้าดั้งเดิมของไทย รายการสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่รถยนต์บรรทุก รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ น้ำตาลจากอ้อย และเครื่องปรับอากาศ
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศมั่นใจว่ามูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในปี 2561 จะมีอัตราการขยายตัวไม่น้อยกว่าอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกรวม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้มีการประเมินไว้ที่ร้อยละ 9 ทั้งนี้ มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 43 ของเป้าหมายมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ที่กรมการค้าต่างประเทศวางไว้ที่ไม่น้อยกว่า 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ปัจจุบันไทยยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP 5 ระบบ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น สวิสเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา และรัสเซียและเครือรัฐเอกราช โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทยทั้งในเชิงมูลค่าและอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ คือ สหรัฐอเมริกา กล่าวคือ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม-พฤษภาคม) มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP อยู่ที่ 1,878.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 60.98 ของมูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิ GSP รวม ซึ่งมีมูลค่า 3,079.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อเปรียบเทียบมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP ทั้งหมด พบว่ากว่าร้อยละ 90 เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอเมริกา โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1,753.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 67.43 ของมูลค่าการส่งออกในรายการสินค้าได้สิทธิ GSP ซึ่งมีมูลค่า 2,600.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาร้อยละ 7.28 สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ระบบ GSP สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ เครื่องดื่มอื่นๆ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง และรถจักรยานยนต์.-สำนักข่าวไทย