กรุงเทพฯ 12 ก.ค.-ทอท.ทุ่มเม็ดเงิน 400 ล้านบาท
รุกพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มสนามบินเชื่อมโยงบริการกับ 16
สนามบินพันธมิตรทั่วโลก คาดแล้วเสร็จและพร้อมเปิดตัวให้บริการได้ต้นปีหน้า
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) หรือทอท.กล่าวภายหลังพิธีเปิดงานการประชุม AOT Sister Airport CEO Forum 2018 ซึ่งมีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ว่า ปีนี้ ทอท. ร่วมมือกับสนามบินพันธมิตร
(Sister Airport) ในการพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์ม
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร โดยการทุ่มเม็ดเงินลงทุน 400 ล้านบาท จัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูล เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน
ที่จำเป็นต่อการให้บริการผู้โดยสารใน 16 สนามบินทั่วโลก
ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ภายในต้นปีหน้า
ทั้งนี้ ผู้โดยสารจะสามารถใช้แอพพิเคชั่นในการตรวจสอบ ข้อมูลการบิน
สถานะของกระเป๋าสัมภาระ ตรวจเช็คความหนาแน่นการจราจรทางอากาศ จุดตรวจคนเข้าเมือง
ห้องน้ำ และจุดที่ตั้งของสิ่งอำนวยความสะดวกได้แบบเรียลไทม์
รวมถึงสามารถเรียกใช้บริการขนส่งสาธารณะที่สนามบินปลายทางได้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง โดยดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้จะครอบคลุมสนามบิน 6 แห่งของทอท.
และสนามบินพันธมิตรอีก16 สนามบินทั่วโลก
โดยในช่วงแรกจะนำร่องที่ท่าอากาศยานดอนเมือง สุวรรณภูมิ และ ภูเก็ต
ซึ่งครอบคลุมผู้โดยสารมากกว่าร้อยละ 80 ของ ทอท.
ขณะที่การรับโอนสนามบินในความดูแลของกรมท่าอากาศยานทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย
ท่าอากาศยานอุดรธานี , ท่าอากาศยานตาก , ท่าอากาศยานสกลนคร และ ท่าอากาศยานชุมพร ที่กระทรวงคมนาคมได้ตีกลับให้ทอท.
ทำรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของท่าอากาศยานตาก ที่เคยเป็นท่าอากาศยานปิดมาก่อน โดยทอท.มั่นใจว่าจะดำเนินการเสร็จภายใน
15 วัน ก่อนเสนอกลับให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาและนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดย ทอท.มีแผนลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 4 แห่งให้มีความพร้อม ทั้งในเรื่องของระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานขององค์กรการบินระหว่างประเทศ
(ICAO) เป็นอันดับแรก
รวมทั้งจะเปิดตลาดให้มีเที่ยวบินบินตรงมายังท่าอากาศยานเหล่านี้
คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท
ขณะที่อุบัติเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต
ทอท.อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบด้านความเชื่อมั่นผู้โดยสารจากจีน
แต่เชื่อว่าหากมีผลกระทบก็เพียงระยะสั้น 2-3 เดือนเท่านั้น
และเมื่อกลับเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ –สำนักข่าวไทย