ก.คลัง 6 ก.ค. – “สมคิด” สั่งเข้มราชการคลังทำงานเพิ่ม 2 เท่า ช่วง 7 เดือนที่เหลือรอการเลือกตั้ง ห้ามปล่อยเกียร์ว่าง ขู่งานไม่คืบโยกย้าย ต.ค.นี้ สั่งกรมสรรพากรศึกษามาตรการภาษีช่วยคนจน แบงก์รัฐลดภาระหนี้รายย่อย หาที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุม ย้ำกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ขายหน่วยลงทุน ก.ย.นี้ หาทุนขยายรถไฟฟ้า กรุงเทพฯ-ชุมพร -ระนอง -อันดามัน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมผู้บริหารส่วนราชการ กระทรวงการคลัง และรัฐวิสาหกิจในสังกัด กำชับให้เร่งรัดทำงานช่วง 7 เดือนที่เหลือรอการจัดการเลือกตั้งห้ามปล่อยเกียร์ว่าง และยังต้องทำงานหนักเพิ่ม 2 เท่า เพราะหากงานไม่คืบหน้าอาจต้องปรับหรือโยกย้ายในช่วงเดือนตุลาคมนี้ เพราะรัฐบาลมุ่งลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มความสามารถการแข่งขันของประเทศ คาดว่าเศรษฐกิจขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4.5 ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ด้วยการเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐให้ได้ตามเป้าหมาย เพราะปัจจัยเศรษฐกิจหลายด้านดีขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ลดลงมาอยู่ระดับร้อยละ 40 นั้น จากเดิมร้อยละ 42 เพราะเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นรวดเร็ว ทำให้ฐานจีดีพีดีขึ้น จึงสั่งให้หลายหน่วยงานศึกษาโครงการลงทุนเพิ่มศักยภาพแข่งขันของประเทศ รวมทั้งสั่งให้กรมสรรพากรศึกษาแนวทางช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แม้จะไม่ได้เสียภาษีทางตรง แต่ยังต้องจ่ายภาษีทางอ้อม คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หวังหาช่องทางนำเงินมาใช้จ่าย เพื่อให้มีกำลังซื้อสินค้าและลงทุนปรับระบบเทคโนโลยีในทุกด้านของกรมสรรพากร หวังอำนวยความสะดวก เพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บภาษีผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลกับหลายหน่วยงาน
ขณะที่อธิบดีกรมสรรพากรยังดำรงตำแหน่งในฐานะประธานบอร์ดการบินไทยต้องวางยุทธศาสตร์สายการบิน ปรับแผนสายการโลว์คอสรองรับการแข่งขัน เร่งรัดขั้นตอนให้มีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เร็วที่สุด และสามารถพัฒนาเป็นสายการบินแห่งชาติได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แผนทุกด้านต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
ส่วนกรมศุลกากรเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่ม ACMEC เพื่อร่วมจัดทำยุทธศาสตร์ร่วมกับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูมิภาค และเชื่อมต่อกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และในฐานะที่นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องเร่งรัดให้เกิดการประมูลหลังจากประกาศ TOR ไปแล้วหลายโครงการ นอกจากนี้ ยังต้องศึกษาแผนก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-ชุมพร-สุราษฎร์ธานี และขยายเชื่อมต่อไปยังระนอง-ฝั่งอันดามัน รองรับเส้นทางรถไฟฟ้าไทย – จีน จากหนองคายลงมากรุงเทพฯ เชื่อมไปยังอันดามัน รวมถึงการเร่งเดินหน้ารถไฟเชื่อมระหว่างเมืองรอง ต้องการเห็นแผนก่อสร้างชัดเจนเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังกำชับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาประเทศ (TFF) คาดว่าจะสามารถเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วไป ภายในเดือนกันยายนนี้
ขณะที่นายภากร ปีตธวัชชัย ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานว่า บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นธรรมชาติของเงินลงทุนจะเกิดการหมุนไปทั่วโลกตามผลตอบแทน หากประเทศมีศักยภาพและเสถียรภาพแข็งแกร่งบริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพผลตอบแทนดีเงินทุนจะไหลกลับเข้ามาลงทุน จึงไม่กังวลกับการผันผวนของตลาดหุ้นช่วงนี้
ส่วนการจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยรองรับผู้มีรายได้น้อย โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมกับกรมธนารักษ์ช่วยออกโครงการที่อยู่อาศัยให้กับรายย่อย ด้วยการเชิญชวนเอกชนมาร่วมลงทุนมากที่สุด ขณะที่ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรไทยกว่า 30 ล้านคน ควรหาแนวทางช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ให้มีภาระน้อยลง คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มนี้มีกำลังซื้อ นอกจากนี้ ยังต้องการให้หลายส่วนราชการบูรณาการส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพราะที่ผ่านมายังไม่เห็นผล เพราะต่างคนต่างทำจึงไม่ประสานงานเต็มที่ จึงต้องการให้นำโมเดลของฮ่องกง รวมศูนย์ผ่าน ดิจิทัลปาร์ค มีทั้งสถาบันการเงิน มหาวิทยาลัย บริษัทด้านไฮเทค เพื่อส่งเสริมฟินเทคให้เกิดขึ้น จากนั้นระดมทุนผ่านตลาด MAI
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเรียกความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวจากเหตุเรือสปีดโบ้ทขนาดใหญ่ล่มกลางทะเลที่จังหวัดภูเก็ต จึงสั่งให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยแนวทางต่าง ๆ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก จึงต้องช่วยเหลืออย่างรีบด่วน เพราะนักท่องเที่ยวมีจุดประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว แต่ต้องมาประสบภัย จึงต้องดูแลให้ถึงที่สุด. – สำนักข่าวไทย