กรุงเทพฯ 23 ก.ย.–ผอ.รพ.มงกุฏวัฒนะ โพสต์เฟสบุ๊คตำหนิดีเอสไอ กรณีการเสียชีวิตของ ‘ธวัชชัย’ ที่ให้ข้อมูลไม่ครบ หลังประสาน รพ.เข้าไปรับ พร้อมท้าเจ้าหน้าที่ที่คิดว่าเสียหายให้แจ้งความได้เลย ขณะเดียวกันเรียกร้องสถาบันนิติเวช ชี้แจงเหตุซี่โครงหัก อย่าปล่อยให้คลุมเครือ
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฏวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ถึงคณะกรรมการสอบสวนกรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกุล ผู้ต้องหาคดีออกเอกสารสิทธิมิชอบ โดยระบุว่าเหตุการณ์เสียชีวิตของนายธวัชชัยเกิดขึ้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 01.00-05.00 น.โดยที่บุคลากรทางการแพทย์ผู้ช่วยชีวิตทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ว่าให้ไปรับนายธวัชชัยที่มีอาการคล้ายเป็นลมเท่านั้น ไม่มีการให้ข้อมูลเลยว่าผูกคอตาย จนมีการแถลงข่าวจากอธิบดีดีเอสไอหลังจากที่นายธวัชชัยเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งที่ทำหน้าที่รักษาช่วยชีวิตอย่างเต็มที่นานกว่า 3 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่ได้บอกอะไร ซึ่งหากรู้ถึงการปกปิดเคลือบแคลงต้องสงสัยของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแล้ว บุคลากรทางการแพทย์จะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ด้วยเลย แต่เมื่อไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตก็ส่งศพให้สถาบันนิติเวชวิทยา เพราะเป็นสิทธิของผู้เสียชีวิตและญาติที่ต้องทราบสาเหตุการเสียชีวิต
ทั้งนี้สถาบันนิติเวชวิทยาแจ้งสาเหตุการตายเมื่อวันที่ 30ส.ค.ว่าเกิดจากการขาดอ๊อกซิเจนและตับแตก มีเลือดออกในช่องท้อง ไม่มีการแจ้งว่ามีซี่โครงหัก เหตุใดสถาบันนิติเวชวิทยา จึงไม่อธิบายให้ญาติเข้าใจปัญหาตับแตกว่ามีสาเหตุจากอะไร ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถอธิบายพอสังเขป การที่ปล่อยให้ญาติไปแสวงหาความจริงเองทั้งที่เป็นสิทธิของผู้เสียชีวิตและญาติต้องรับรู้ ซึ่งสถาบันนิติเวชวิทยาก็ทราบสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้เสียชีวิตและญาติเป็นอย่างดี การปล่อยให้เกิดความคลุมเครือเป็นการสร้างเงื่อนงำให้ต้องสงสัย ส่งผลกระทบเสียหายต่อความน่าเชื่อถือในขั้นตอนการสอบสวนของกระบวนการยุติธรรม ขอถามไปยังสถาบันนิติเวชกรณีที่เพิ่งปรากฏข่าวว่ามีซี่โครงหักจำนวนมาก ควรแจ้งกับญาติแต่แรกว่ามีกระดูกซี่โครงหักพร้อมกับตับแตก มีเลือดออกในช่องท้องตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. กรณีดังกล่าวทำให้ทีมแพทย์ที่ช่วยชีวิตสงสัยว่าซี่โครงหักจำนวนมากทั้ง 2 ข้างนั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะเชื่อว่าไม่มีซี่โครงหักตามที่เป็นข่าว
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุด้วยว่าถึงวันนี้ที่มีข่าวว่าอาจเสียชีวิตจากการกระทำของบุคคลอื่น แต่ไม่ใช่การฆาตกรรมนั้น หมายความว่านายธวัชชัยอาจเสียชีวิตจากบุคคลอื่นที่ทำการช่วยชีวิตปั๊มหัวใจจนเกิดปัญหาตับแตกซึ่งถือว่ากระทำการเพื่อช่วยชีวิตจึงไม่ใช่เป็นการฆาตกรรมใช่หรือไม่ หากตอบว่าใช่ ตนขอเรียกร้องให้มีการพิสูจน์หลักฐานเพื่อ Rule out จำแนกสาเหตุฆาตกรรมให้ครบถ้วน จนเป็นที่แน่ชัดเสียก่อนที่จะตัดสินว่า นายธวัชชัยฆ่าตัวตายเอง เพื่อที่จะนำไปสู่การอธิบายปัญหาตับแตกต่ออีกว่าเกิดจากการปั๊มหัวใจช่วยชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์
การ Rule out จำแนกสาเหตุจากการฆาตกรรมในผู้เสียชีวิตในระหว่างการควบคุมตัว ถือว่าเป็นมาตรฐานสากลที่จะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนเสียก่อนที่จะสรุปว่าผู้ต้องขังฆ่าตัวตายเอง ตนขอให้คณะกรรมการสอบสวนทำความกระจ่างชัดโดยเฉพาะการนำบันทึกวงจรปิดของดีเอสไอในช่วงเวลาก่อน 01.00 น.ของวันที่ 30 ส.ค.ย้อนหลังไปถึงคืนวันที่ 29ส.ค.ตนพร้อมพิสูจน์บันทึกภาพวงจรปิดความยาวกว่า 5 ชั่วโมงครึ่งซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหว ไม่มีการตัดต่อเพื่อแสดงเหตุการณ์ขณะที่นายธวัชชัยอยู่ในหน่วยอภิบาลผู้ป่วยอาการวิกฤติ ดีเอสไอก็ต้องแสดงบันทึกภาพวงจรปิดก่อนเวลา 01.00 น.ของวันที่ 30 ส.ค.ได้ไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมงครึ่งได้เช่นกัน การกล่าวอ้างเหตุเซอร์ฟเวอร์ขัดข้องไม่ใช่เหตุผลในการ Rule out ว่านายธวัชชัยไม่เสียชีวิตจากการฆาตกรรม
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ขณะนี้ถือว่ารพ.มงกุฎวัฒนะ กลายเป็นผู้ตกอยู่ในสถานะผู้มีส่วนร่วมในคดีนี้อย่างเต็มตัวแล้ว ตนขอถือสิทธิในการมีส่วนร่วมชันสูตร ครั้งที่ 2 ด้วย ไม่เช่นนั้นบุคลากรทางการแพทย์ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในบังคับบัญชาของตนอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ปั๊มหัวใจจนทำให้ตับแตกและตกเลือดในช่องท้องโดยไม่เป็นธรรม กรณีการเสียชีวิตมีประเด็นโยงใยที่นับวันก็มีแต่จะทำให้ตนเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่มีเจตนาต้องการปกป้องดีเอสไอจนมาถึงวันนี้ที่ผมขอตำหนิเจ้าหน้าที่ดีเอสไออย่างชัดเจนและขอท้าให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่คิดว่าตนเองเสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีโดยเร็วไม่ต้องรอให้ รมว.หรือปลัดกระทรวง สั่งการ เพราะนี่คือสิทธิและเสรีภาพอันชอบด้วยกฎหมายและคือหน้าที่ในฐานะที่เป็นผอ.รพ.ที่จะต้องรักษาสิทธิให้แก่ผู้เสียชีวิตที่เสียชีวิตที่รพ.มงกุฎวัฒนะ .-สำนักข่าวไทย