กรุงเทพฯ 8 ธ.ค. – เบสท์รินกรุ๊ปยืนยันจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย มั่นใจเอกสารฟอร์มดี จากมาเลเซีย ขณะเดียวกันเสนอทางออกให้กระทรวงการคลังหักเงินจากมูลค่างานเป็นหลักประกันระหว่างเคลียร์ปัญหาภาษี เพื่อให้สามารถนำรถมาวิ่งให้บริการ
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธาน บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เปิดแถลงข่าวได้รับความสนใจมีกองทัพสื่อมวลชนร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง โดยยืนยันอีกครั้งว่าเบสท์รินเป็นผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีตามที่เป็นคู่สัญญากับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และมีหน้าที่นำเอกสารที่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากมาเลเซียยื่นสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร โดยยืนยันว่าบริษัทไม่ได้จัดทำเอกสารเอง เนื่องจากเอกสารที่ยืนยันแหล่งผลิตหรือฟอร์มดี ออกโดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศมาเลเซียนั้น เป็นเอกสารราชการ ถือว่าน่าเชื่อถือ การดำเนินการของบริษัทที่ผ่านมายืนยันว่าปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายไทยและไม่คิดเอาเปรียบ หลังจากนี้พร้อมร่วมมือกับกรมศุลกากรปฏิบัติตามข้อกฎหมายทุกอย่าง
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นยืนยันว่าเป็นการดำเนินการทางการค้าเมื่อมีการสั่งซื้อรถที่ประกอบจากต่างประเทศและเลือกซื้อรถที่ประกอบจากประเทศมาเลเซีย เพื่อให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น เป็นเรื่องปกติทางการค้าที่ผู้ประกอบการนำเรื่องภาษีมาคำนวณเป็นต้นทุนโครงการด้วย
ส่วนทางออกหลังจากที่กรมศุลกากรขีดเส้นว่าหากบริษัทจะนำรถออกมาส่งมอบ เพื่อวิ่งให้บริการก็ให้วางหลักประกันนั้น บริษัทมีข้อเสนอ 2 ส่วน คือ กระทรวงการคลังกำกับดูแลกรมศุลกากรสามารถหักเงินมูลค่างานไปเป็นหลักประกันภาษีและให้บริษัทนำรถออกมาวิ่งให้บริการ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนที่รอใช้บริการรถเมล์เอ็นจีวีจะได้ประโยชน์ ส่วนที่ 2 ที่ผ่านมาบริษัทมีหลักประกันสัญญาที่ส่งมอบให้ ขสมก.กว่า 300 ล้านบาท หากบริษัทส่งมอบไม่ทันภายในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ขสมก.จะสามารถหักเงินค้ำประกันสัญญาดังกล่าวได้ จากข้อมูลสัญญาหากบริษัทส่งมอบไม่ทันกำหนดจะถูกปรับคันละ 10,000 บาทต่อวัน หรือเป็นเงินวันละ 4.89 ล้านบาท และยอมรับว่าหากหักเงินจนหลักประกันหมดคงใช้เวลา 2-3 เดือน ขสมก.ก็สามารถยกเลิกสัญญาได้
นายคณิสสร์ ยืนยันอีกครั้งว่าเอกสารต่าง ๆ ที่ออกโดยประเทศมาเลเซีย คือ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ เป็นเรื่องปกติที่ทุกฝ่ายต่างให้ความเชื่อถือ ส่วนในอนาคตหากมีการตราวจสอบและพบว่าเอกสารฟอร์มดีไม่ถูกต้องและผู้ส่งออกของมาเลเซียให้เอกสารเท็จกับบริษัท เบสท์รินก็จะดำเนินการทางกฎหมายฟ้องผู้ประกอบและส่งออกรถในมาเลเซียต่อไป.-สำนักข่าวไทย