กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – กรมชลประทานตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่รับน้ำกว่าแสนไร่ พร้อมขยายความสำเร็จบางระกำโมเดลไปสู่ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในโอกาสครบรอบ 116 ปี วันสถาปนากรมชลประทาน นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากรมชลประทานประสบความสำเร็จในการเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักและพื้นที่ชลประทานได้มากกว่าในอดีตที่ผ่านมาถึง 3 เท่า จากเดิม 30.3 ล้านไร่ สามารถเพิ่มขึ้นอีก 2.4 ล้านไร่ รวมเป็น 32.7 ล้านไร่ และเพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำต้นทุนในระบบชลประทานจาก 79,898 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 81,841 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งยังสามารถจัดรูปที่ดินเพื่อการเกษตรได้ถึง 444,800 ไร่ โดยเฉพาะ ก่อสร้างโครงการชลประทานปี 2560 สามารถดำเนินการได้ถึง 274 โครงการ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 437.74 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ 434,00 ไร่
ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2561 ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ชลประทานอีก 427,224 ไร่ เพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำให้ไ ด้ 154.8 ล้านลูกบาศก์เมตร และวางแผนปรับปรุงบำรุงรักษา ซ่อมแซมอาคารชลประทานทั่วประเทศอีก 6,960 โครงการ
นอกจากนี้ กรมชลประทานยังประสบผลสำเร็จในการดำเนินโครงการบางระกำโมเดล 60 โดยการปรับเปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำลุ่มเจ้าพระยา ประกอบด้วย พื้นที่ทุ่งบางระกำ และพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง เพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแก้มลิงธรรมชาติ สามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากได้มากกว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งวางแผนบริหารจัดการน้ำในเขื่อนสำคัญให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและใช้ในการหน่วงน้ำ ตลอดจนการวางแผนจัดจราจรทางน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแผนรับมือในการเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งในปี 2560 ผลผลิตทางการเกษตรแทบไม่ได้รับความเสียหาย ดังนั้น ปี 2561 กรมชลประทานจะขยายพื้นที่รับน้ำเพิ่มอีก 117,000 ไร่ รวมเป็นพื้นที่ทั้งสิ้น 382,000 ไร่ เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากกว่า 550 ล้านลูกบาศก์เมตร และได้เริ่มทำการเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 กรกฎาคม 2561 จากนั้นจะขยายผลไปดำเนินการในลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล และพื้นที่อื่น ๆ ที่สามารถดำเนินการได้.-สำนักข่าวไทย