ภูมิภาค 10 มิ.ย.-ฝนถล่ม อ.พบพระ จ.ตาก ระดับน้ำในลำห้วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เสาไฟฟ้าหักโค่นปิดทับถนน ชาวบ้าน 4 หมู่บ้านแนวชายแดนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ราชการเตือนชาวบ้านติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
ฝนที่ตกอย่างหนักต่อเนื่องกันถึง 2 วัน 2 คืน แบบไม่มีหยุด ตลอดพื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งมีฝนตกหนักที่สุด ส่งผลให้เริ่มมีน้ำป่าจากภูเขาสูงไหลลงลำห้วยปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนชาวบ้านหลายพื้นที่ตลอดแนวตลิ่งของทุกลำห้วยสาขาบนพื้นที่ลาดเชิงเขาต้องอยู่ในอาการขวัญผวา และต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันฝนที่ตกอย่างหนักนี้ยังส่งผลให้ดินตามพื้นที่ราบลุ่มอ่อนตัวและอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวเกิดการทรุดตัว จนทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงจำนวน 2 ต้นขนาดใหญ่ล้มหักโค่นปิดขวางทับเส้นทางถนนสายตำบลช่องแคบ เขตชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก รถทุกชนิดสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่งผลกระทบทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าดับ ชาวบ้าน 4 หมู่บ้านไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงช่วงเที่ยงวันนี้ หลังเกิดเหตุทีมฉุกเฉินจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สอดได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจความเสียหาย พร้อมเร่งทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าต้นใหม่อย่างเร่งด่วน
ทางจังหวัดได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยง พร้อมแจ้งเตือนชาวบ้านที่พักอาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันเหตุน้ำป่า ดินโคลนถล่มที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หลังพบยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเขาหักพัฒนา หมู่ 13 บ้านสันติพัฒนา หมู่ 11 บ้านเครือหวาย หมู่ 8 บ้านคลองขนุน หมู่ 7 และบ้านสามสิบพัฒนา หมู่ 3 ใน ต.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี สวนทุเรียนหลายร้อยไร่ภายในหมู่บ้านดังกล่าวต่างได้รับความเสียหายจากพายุฝนไปตามๆ กัน โดยมีทุเรียนใกล้สุก เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะสามารถตัดขายนับสิบตัน ร่วงหล่นกระจายตามสวนทุเรียนหลายสวนภายใน 5 หมู่บ้านดังกล่าว ชาวบ้านยังไม่กล้าเข้าไปเก็บทุเรียนที่หล่นร่วง เนื่องจากมีลมพัดแรงตลอดเวลา หวั่นจะได้รับอันตราย ทุเรียนร่วงใส่
นายทอน สมบัติ อายุ 81 ปี เปิดเผยว่า ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมามีพายุฝนฟ้าคะนองทั้งคืนในหมู่บ้านเขาหักพัฒนา และหมู่บ้านสันติพัฒนา บ้านเครือหวาย บ้านคลองขนุน รวมทั้งบ้านสามสิบพัฒนา ลมพัดแรงเหมือนจะพัดบ้านจนพัง กระทั่งเช้าชาวบ้านต่างเข้าไปดูสวนทุเรียนของตน พบลูกทุเรียนหล่นเกลื่อนสวนจากพายุฝน ซึ่งทุเรียนที่เสียหายเป็นทุเรียนรุ่นแรกของ อ.โป่งน้ำร้อน เหลือเพียง 20 วันก็จะครบกำหนดตัด
นายทอนกล่าวว่า เฉพาะหมู่บ้านเขาหักพัฒนา สวนทุเรียนได้รับความเสียหายทุกสวน ตั้งแต่ 4-5 เข่ง บางสวนมากถึง 3-5 ตัน รวมแล้วเสียหายไม่น้อยกว่า 80 ตัน รวมความเสียหายไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท ขณะที่อีก 4 หมู่บ้าน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ตัน ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ล่าสุดพายุฝนยังไม่หยุด ต้องรอให้ลมสงบถึงจะเข้าสำรวจอีกครั้ง และเก็บลูกทุเรียนที่เสียหายออกมาขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อไปเข้าโรงงานทำไอศกรีม เพราะเนื้อของทุเรียนเริ่มแก่มีสี สามารถไปทำเป็นแป้งผลิตไอศกรีมได้ ซึ่งพ่อค้ามารับซื้อ กก.ละ 10 บาท เมื่อเทียบกับราคาเดิม กก.ละ 100 บาท ทำให้รายได้แต่ละสวนของปีนี้เงินหายไปหลายแสนบาท.-สำนักข่าวไทย