คาดยอดดูดซับอสังหาฯ ปีนี้โตร้อยละ 5.1

กรุงเทพฯ  31 พ.ค. – ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดยอดดูดซับอสังหาฯ ปีนี้โตร้อยละ 5.1 ชี้ชัดความมั่นใจผู้บริโภคฟื้นตามเศรษฐกิจ


นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ 2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจภาคสนามและประเมินยอดอัตราการดูดซับการขายอสังหาริมทรพย์คาดว่าปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 5.1 นับเป็นอัตราที่เติบโตสูงสุดใน 3 ปีนี้จากที่ 2 ปีก่อนโตเพียงร้อยละ 5 และ 4.9 ตามลำดับแสดงว่าผู้บริโภคและผู้ประกอบการมีความมั่นใจเศรษฐกิจจึงกล้าลงทุนและจับจ่ายใช้สอย โดยในส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีอัตราการดูดซับถึงร้อยละ 5-6 ขณะที่อัตราการจำหน่ายเหลือขายยังใกล้เคียงกับทุกปีที่ 140,000 หน่วย ดังนั้น จึงไม่มีแนวโน้มเป็นฟองสบู่แต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขยับขึ้นปลายปี โดยทุกเงินกู้ 1 ล้านบาท หากดอกเบี้ยขึ้นร้อยละ0.25 ผู้กู้จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 200 บาท/เดือน ดังนั้น ในช่วงนี้จึงเป็นช่วงเหมาะสมสำหรับผู้ตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์


ผลการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย ล่าสุดสิ้นปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 1,584 โครงการ มีจำนวนหน่วยทั้งหมด 458,943 หน่วย มีจำนวนหน่วยบ้านจัดสรร 212,997 หน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 208,237 หน่วย และเป็นอาคารชุด 245,946 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 242,852 หน่วย ซึ่งมีจำนวนหน่วยอยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดร้อยละ 50.5รองลงมาอยู่ในนนทบุรีร้อยละ 17.4


“จากการสำรวจพบว่ามีโครงการเปิดขายใหม่ปี 2560 จำนวน 396 โครงการ จำนวน 101,422 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 22.1 ของหน่วยในผังทั้งหมดที่เสนอขายปัจจุบัน โดยมีมูลค่าโครงการเปิดขายปี 2560 รวม 408,084 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 272 โครงการ จำนวน 40,841 หน่วย มีมูลค่าโครงการ 166,044 ล้านบาท และอาคารชุด 124 โครงการ จำนวน 60,581 หน่วย มีมูลค่าโครงการ 242,040 ล้านบาท” นายวิชัย กล่าว

สำหรับภาพรวมโครงการเหลือขายพบว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีสัดส่วนที่อยู่อาศัยเหลือขายร้อยละ  31.1 มีมูลค่าเหลือขาย 549,807 ล้านบาท  ในประเภทบ้านจัดสรร ณ สิ้นปี 2560 ทาวน์เฮ้าส์ มีสัดส่วนเหลือขายมากที่สุด ร้อยละ 53.6 โดยส่วนใหญ่เหลือขายในระดับราคา 2.01- 3.00 ล้านบาท รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว เหลือขายร้อยละ 31.5 โดยส่วนใหญ่เหลือขายอยู่ในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท บ้านแฝดเหลือขายร้อยละ 10.3 โดยเหลือขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด อาคารพาณิชย์พักอาศัยเหลือขายร้อยละ 4.3 โดยเหลือขายในระดับราคา 3.01 – 5.00  ล้านบาทมากที่สุด และที่ดินเปล่าเหลือขายร้อยละ 0.2 โดยเหลือขายในระดับราคา 3.01 – 5.00  ล้านบาทมากที่สุด ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ประมาณการอุปทานเหลือขายที่อยู่อาศัยในตลาดกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ปี 2561 โดยคาดว่าจะมีจำนวนหน่วยประมาณ 145,099 หน่วย ประกอบด้วย แนวราบมีประมาณ 80,490 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 55.5 และ อาคารชุดมีประมาณ  64,609 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 45.5 โดยประมาณการว่าหน่วยที่เหลือขายมากที่สุด คือ อาคารชุดร้อยละ 44.5  รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ร้อยละ 32.4 บ้านเดี่ยวร้อยละ 16.0 ที่เหลือเป็น บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์.- สำนักข่าวไทย

.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

เปิดปมสังหารยกครัว 4 ศพ แค้นชู้สาว

เปิดปมเหตุสลดฆ่ายกครัว 3 ศพ ก่อนผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเป็นศพที่ 4 ใน จ.สมุทรปราการ พบข้อมูลว่าความแค้นครั้งนี้มาจากเรื่องชู้สาว แต่ลูกชายของผู้ตายยังไม่เชื่อว่าแม่มีความสัมพันธ์กับมือปืน แต่ยอมรับมือปืนให้เงินแม่ใช้ทุกวัน

ศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” ชี้พฤติการณ์ร้ายเเรง

ทนายเผยศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” เพราะพฤติการณ์ร้ายเเรง เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งประกัน ด้าน “แม่สามารถ” วอนผู้มีอำนาจอย่าเอาความลูกชายตน ลั่นหลังจากนี้จะสู้เพื่อความยุติธรรม