กทม.29 พ.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งสอบสวนกรณีเกิดการยักยอกเงินในโครงการบริหารหนี้ของกองทุนสหกรณ์ตำรวจจังหวัดเลย กว่า 200 ล้านบาท พร้อมกำหนดแนวทางเยียวยาผู้เสียหายโดยเร็ว
พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีกลุ่มข้าราชการตำรวจสังกัดภูธรจังหวัดเลย จำนวน 192 นาย เข้าร้องเรียนกรณีได้รับความเสียหายจากโครงการ “บริหารหนี้” ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย มูลค่ากว่า 229 ล้านบาท ว่าได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ว่ามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีพลตำรวจตรีธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 เป็นประธานคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการร่วมกันทำการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่า มีพฤติการณ์และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง มีมูลความทางอาญาหรือทางวินัยหรือไม่ และให้สืบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีการยักยอกถ่ายโอนไปยังผู้ใดบ้าง และรายงานผลให้ผู้บังคับบัญชารับทราบโดยเร็ว ซึ่งคณะกรรมการได้สอบปากคำข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 30 ปาก พร้อมตรวจสอบการบริหารงานของสหกรณ์ ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ว่าเป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ สามารถดำเนินการต่อได้โดยไม่กระทบกับสมาชิกท่านอื่น
ส่วนสัปดาห์หน้าคณะกรรมการจะสอบปากคำผู้ถูกร้องเรียน ถึงเรื่องการนำเงินดังกล่าวไปบริหารงาน ว่านำเงินไปใช้ทำอะไร หลังจากสอบปากคำแล้วจะพิจารณาว่าจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ จากนั้นกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และทำเรื่องเสนอมาที่ ตร. จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เบื้องต้นจากการประชุมของคณะทำงานจะมีการช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเสียหายทั้ง 192 นาย โดยให้กู้ยืมสหกรณ์ฯ รายละ 50,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปชำระหนี้ธนาคารและไฟแนนซ์ ที่ค้างมา 4-5 งวด ไม่ให้มียอดค้างเพิ่มขึ้น ในส่วนของประเด็นที่ทางฝ่ายผู้ถูกร้องเรียนประสานมาว่า จะมีการคืนเงินให้ภายใน 2 เดือนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากทางฝ่ายผู้ถูกร้องเรียน รวมทั้งยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ใด
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่าได้รายงานความคืบหน้าให้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับทราบแล้ว โดย ผบ.ตร. กำชับให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รวดเร็ว ถูกต้องตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมาย สำหรับการดำเนินการในส่วนของ ตร. ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รายงานขึ้นมาก่อน ซึ่งคณะทำงานมีอิสระในการดำเนินการ หากพบเป็นความผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเป็นธรรมให้กับข้าราชการตำรวจทุกฝ่าย ทั้งนี้จะเร่งรัดการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อความชัดเจนและสามารถตอบคำถามของสังคมได้ต่อไป. -สำนักข่าวไทย