พระนครศรีอยุธยา 18 พ.ค. – เมื่อวานนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาข้อพิพาท กรณีวัดพนัญเชิงวรวิหารฟ้องให้รื้อสุสาน เพื่อจะนำที่ดินไปทำที่จอดรถ ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี ปรากฏว่า ศาลชี้ขาดไม่ให้รื้อสุสาน ทำให้ลูกหลานไม่ต้องขุดศพบรรพชนกว่า 1,700 หลุม ขึ้นมาหาที่อยู่ใหม่ ปมปัญหานี้เกิดจากอะไร ติดตามจากรายงาน
หลังยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี ล่าสุดวานนี้ (17 พ.ค.) ศาลฎีกาชี้ขาดกรณีวัดพนัญเชิงวรวิหาร ฟ้องมูลนิธิวัดพนัญเชิง (เซียง เต็ก ตึ้ง) และประธานมูลนิธิฯ เรื่องละเมิด ขับไล่ พ.ร.บ.ควบคุมสุสานและฌาปนสถาน และ พ.ร.บ.สุสานและฌาปนสถาน โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้มูลนิธิวัดพนัญเชิง และประธานมูลนิธิฯ ออกจากที่ดินพิพาท และให้รื้อถอนอาคารสำนักงาน บ้านพักคนงาน และบริวาร ออกจากที่ดินพิพาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เดือนละ 400 บาท จนกว่าจะรื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ ส่วนฮวงซุ้ยและศพเป็นของทายาทลูกหลาน ซึ่งเข้าฝังศพโดยเปิดเผย สุจริตตามเจตนา ให้ทำสุสานสาธารณะของวัดพนัญเชิงฯ ไม่ต้องรื้อถอน และห้ามดำเนินโครงการที่ขัดกับวัตถุประสงค์ของสุสานสาธารณกุศล
ประธานมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า พอใจกับคำตัดสินของศาล ลูกหลานไม่ต้องขุดศพบรรพชนขึ้นมาหาที่อยู่ใหม่
ปมพิพาทเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 เมื่อวัดพนัญเชิงวรวิหาร มีโครงการพัฒนาที่ดินบริเวณสุสานสาธารณะ เนื้อที่ 20 ไร่ เพื่อสร้างที่จอดรถและสถานที่ปฏิบัติธรรม รองรับประชาชนที่จะเดินทางมา โดยให้ทายาทที่ฝังศพบรรพชนไว้กว่า 1,700 หลุม ขุดย้ายศพออกไป แต่ก็ไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ วัดพนัญเชิงฯ จึงต้องยื่นฟ้อง
เดิมสุสานมีเนื้อที่ 14 ไร่ มีการนำศพบรรพชนมาฝังตั้งแต่ 60 กว่าปีที่แล้ว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากค่าก่อสร้างฮวงซุ้ย เมื่อเวลาผ่านไป พื้นที่แออัดมากขึ้น ทางมูลนิธิฯ จึงจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกกว่า 7 ไร่ ทายาทที่ต้องการฝังศพบรรพชน ต้องเสียค่าที่ราว 290,000 บาท นำรายได้มาใช้ทำสาธารณกุศล
ปัจจุบันภายในสุสานวัดพนัญเชิงฯ แห่งนี้ มีศพทั้งมีญาติและไร้ญาติฝังอยู่ไม่น้อยกว่า 3,000 ศพ การจะขุดย้ายไปอยู่ที่อื่นทำได้ไม่ยาก หากแต่ขัดกับความรู้สึกของลูกหลาน และประเพณีที่มีการสืบทอดมาแต่โบราณ กรณีนี้นับเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่ว่า เมื่อความเจริญทางเศรษฐกิจคืบคลานมา พื้นที่สาธารณประโยชน์ก็จะถูกผลักเข้าไปอยู่ในวังวนของผลประโยชน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้. – สำนักข่าวไทย. – สำนักข่าวไทย