กรุงเทพฯ 18 พ.ค.-สมอ.ขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า ดูแลตรวจสอบสินค้าที่ผู้ค้าเช่าเปิดร้านภายในห้างและศูนย์การค้าทั่วประเทศ หากขายสินค้าที่มีมาตรฐานบังคับ ต้องขายเฉพาะสินค้าที่ได้มาตรฐานที่กำหนดและมีเครื่องหมายมอก.บนสินค้าเท่านั้น
นายวันชัย พนมชัย รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ ที่ให้บริการเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้า มาขอความร่วมมือให้ช่วยตรวจสอบว่า ร้านภายในห้างและศูนย์การค้าในเครือทั่วประเทศ หากนำสินค้าที่สมอ.มีมาตรฐานบังคับ ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าที่มีมาตรฐานบังคับรวม 109 รายการ เช่น เต้ารับและเต้าเสียบสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย แบตเตอร์รี่สำรองไฟฟ้าหรือพาวเวอร์แบงค์ เป็นต้น จะต้องขายเฉพาะสินค้าที่มีเครื่องหมายมอก.เท่านั้น หากพบว่าผู้ค้ารายได้ขายสินค้าไม่มีมาตรฐานบังคับจะมีบทลงโทษตามกฎหมายปรับ 5,000-50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ผลิตมีอัตราโทษสูงกว่า คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายวันชัย กล่าวว่า จากสถิติการลงพื้นที่ตรวจสอบของสมอ.พบว่า สินค้าที่ผู้ค้านำมาจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯและปริมลฑลประมาณร้อยละ 10 เป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเพราะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อหานำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับผู้ค้าที่มีสินค้าในสตอกอยู่ก่อนสินค้านั้นจะประกาศมาตรฐานบังคัง ก็สามารถแจ้งสตอกสินค้าได้ โดยส่วนใหญ่จะมีสินค้าในสตอกไม่เกิน 3 เดือนจะอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล สตอกเป็นปีถือว่า เกินกว่าเหตุผลโดยทั่วไปของการทำธุรกิจ
สำหรับศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าที่สมอ.เชิญมาในวันนี้ 9 ราย ประกอบด้วย บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด มหาชน บริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด บริษัท เซียร์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท บวรพงษ์ จำกัด บริษัท เจเจ มอลส์ จำกัด บริษัท อมรศูนย์รวมอะไหล่และอิเล็คทรอนิคส์ จำกัด บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท สยามสินธร จำกัด และ ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน โดยรองเลขาธิการ สมอ. ประชุมและชี้แจงข้อมูลทั้งหมดและวิธีการตรวจสอบสินค้าเพื่อให้เจ้าของสถานประกอบการรับทราบข้อปฏิบัติการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มาตรฐานบังคับ- สำนักข่าวไทย