ดีเดย์วันแรก อย. – กสทช. คุมเข้มใช้สื่อโฆษณาเกินจริง

กทม. 5 พ.ค. – ดีเดย์วันแรกสำหรับการคุมเข้มการใช้สื่อโฆษณาเกินจริง โดยเฉพาะสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง หลังมีการส่งเจ้าหน้าที่ อย. 6 คนช่วยมอนิเตอร์สื่อต่างๆ เพื่อสั่งระงับโฆษณาในทันที


วันแรกของการส่งเจ้าหน้าที่มาทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และเจ้าหน้าที่ กสทช. ในการตรวจสอบรายการและโฆษณาอาหารและยา ซึ่งมีเนื้อหาผิดกฎหมาย ที่ศูนย์ตรวจสอบเนื้อหาวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสังคมออนไลน์ สำนักงาน กสทช. ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะช่วยร่นระยะเวลาในการสั่งระงับโฆษณาที่ผิดกฎหมาย หลังจากเดิมที่จะใช้เวลาในการตรวจสอบ, ส่งเรื่องและพิจารณาสั่งยุติสื่อโฆษณานั้นๆ 45-60 วัน แต่กระบวนการใหม่จะสามารถระงับการออกอากาศชั่วคราวได้เพียง 1 วัน จากนั้นจึงจะมีการตรวจสอบว่า ผลิตภัณฑ์ของสื่อโฆษณานั้นๆ ผิดกฎหมายใดบ้าง เพื่อพิจารณาลงโทษตามกระบวนการ


ผู้สื่อข่าว รายงานเพิ่มเติมว่า ขั้นการการตรวจสอบเนื้อรายการปกติของ กสทช. จะมีระบบที่บันทึกเนื้อหารายการโทรทัศน์, วิทยุ, เคเบิ้ลทีวี และสื่อออนไลน์ เก็บข้อมูลไว้ได้ 90 วัน จากนั้นระบบจะตรวจสอบข้อความที่ผิดปกติหรือเสี่ยงผิดกฎหมาย และสามารถตรวจสอบเสียงการออกอากาศ ซึ่งมีข้อความผิดกฎหมาย จากนั้นจะคัดแยกเนื้อหาที่มีความเสี่ยง และนำไปพิจารณาว่ามีการออกอากาศที่ผิดกฎหมายชัดเจนหรือไม่ โดยระบบนี้ครอบคลุมทั้งวิทยุ, โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์


สำหรับ กระบวนการเดิมถือว่าค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากต้องนำเนื้อหาโฆษณา ส่งให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พิจารณาก่อนส่งไปยัง อย.เพื่อดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก และส่งเรื่องกลับมาที่ กสทช.อีกครั้ง เพื่อออกคำสั่งยุติการออกอากาศ โดยกระบวนการเดิมใช้เวลาประมาณ 45 วัน หรือ อย่างมาก 60 วัน

กระบวนการใหม่ เริ่มจาก อย. ส่งเจ้าหน้าที่ 6 คนไปประจำศูนย์ตรวจสอบเนื้อหาวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย ของ กสทช.เพื่อร่วมตรวจสอบสื่อโฆษณาอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่าน อย. หากพบว่าผิดกฎหมาย จะส่งเรื่องไปยัง กสทช. ทำหนังสือระงับการออกอากาศสื่อโฆษณาชั่วคราว ใช้เวลา 1 วัน หลังจากนั้นก็จะมีการพิจารณาว่า มีการกระทำเอาเปรียบผู้บริโภคตามกระบวนการปกติ จนกว่าจะได้ข้อยุติว่าต้องยุติการออกอากาศหรือไม่

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ฝ่าฝืนออกอากาศโฆษณานั้นๆ ก็จะมีโทษปรับทางปกครองสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท และหากฝ่าฝืนรายวันจะถูกปรับอีกวันละ 100,000 บาท .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งระดมช่วยน้ำท่วมใต้-เร่งเยียวยา

นายกฯ สั่งระดมช่วยเหลือน้ำท่วมใต้-เร่งมาตรการเยียวยา เผย ครม.เห็นชอบ 39 โครงการฟื้นฟูพื้นที่อุทกภัย เชียงใหม่-เชียงราย 641 ล้านบาท

เตรียมรื้อถอนคานถล่ม ถ.พระราม 2-กู้ร่างผู้สูญหาย

ช่วงบ่ายนี้ (29 พ.ย.) จนท.กรมทางหลวง สภาวิศวกรรมสถาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมนำรถเครนรื้อถอนเหล็กถักที่ถล่มบน ถ.พระราม 2 โดย ปภ.สมุทรสาคร ไม่มั่นใจว่าการดำเนินการจะจบภายในวันเสาร์-อาทิตย์นี้หรือไม่

คานถล่มพระราม2

ตร.ทางหลวง แนะเลี่ยงถนนพระราม 2 หลังการจราจรเข้าขั้นวิกฤต

ตำรวจทางหลวง เผยการจราจรถนนพระราม 2 เข้าขั้นวิกฤต แนะเส้นทางเลี่ยงทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร ยังไม่ชัดเปิดการจราจรได้ตามปกติเมื่อใด

คานถล่มพระราม2

“สุริยะ” สั่งผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง ถ.พระราม 2 ตัดสิทธิรับงาน 2 ปี

“สุริยะ” รมว.คมนาคม เผยเย็นวันนี้เตรียมกลับไปตรวจสอบสาเหตุคานเหล็กก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ถล่ม สั่งการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง รวมทั้งตัดสิทธิรับงาน 2 ปี และขอให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการลดชั้นผู้รับเหมา เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ