เสียมราฐ 5 เม.ย.- นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับสมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การเปิดจุดผ่านแดนระหว่างทั้งสองประเทศ และเส้นทางรถไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3 ที่เมืองเสียมราฐ และเวลา 8.30 น. ก่อนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3 นายกรัฐมนตรี จะเข้าพบหารือทวิภาคีกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน (Samdech Akka Moha Sena Padei Techo Hun Sen) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ ห้องโบกอร์ สกขารีสอร์ท แอนด์ คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ (Sokha Siem Reap Resort & Convention Center)
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีกัมพูชารู้สึกยินดีที่ได้หารือกันอีกครั้ง หลังจากที่เคยพบปะกันเมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 2 ณ กรุงพนมเปญ พร้อมยินดีต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาที่มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณต่อการต้อนรับที่อบอุ่นของกัมพูชา
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันที่ 4 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิดของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายกรัฐมนตรี จึงได้กล่าวอวยพรในนามของรัฐบาลและตัวแทนประชาชนไทย ขอให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและครอบครัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และสมปรารถนาทุกประการ พร้อมขอให้การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้ประชาชนตามลุ่มน้ำโขง
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้หารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน การเปิดจุดผ่านแดนระหว่างทั้งสองประเทศ และเส้นทางรถไฟ นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า มูลค่าทางการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนของทั้งประเทศต่างเดินทางไปมาหาสู่กันในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปี และความร่วมมือในปัจจุบันของทั้งสองประเทศมีความหลากหลายและครอบคลุมหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องความร่วมมือด้านเส้นทางรถไฟระหว่างชายแดน ซึ่งไทยและกัมพูชาต้องร่วมมือกันต่อไปเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ.-สำนักข่าวไทย