รัฐสภา 3 ต.ค.-สปท.ถกข้อเสนอ กมธ.การเมือง เพื่อจัดทำกฎหมายลูกว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชงใช้งบประหยัด หากฝ่าฝืนกฎหมาย ด้วยการสับเปลี่ยนตำแหน่งประธาน กกต. ต้องพ้นจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.30 น. วันนี้ (3 ต.ค.) ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นประธานการประชุม สปท. พิจารณารายงานที่คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เสนอเพื่อการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง กล่าวว่า รายงานฉบับนี้เป็นการส่งเสริมให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความเข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยต้องอยู่ภายใต้หลักสำคัญ 7 ประการ คือ 1.ให้ กกต.สร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเป็นแบบอย่างที่จะไม่กระทำการใดอันเป็นประโยชน์ส่วนตน 2.ให้ทำงานอย่างเป็นระบบ มีความสัมพันธ์ประสานเชื่อมโยงกันระหว่างความเป็น กกต.ด้วยกัน 3.การบริหารงานในองค์กรต้องมีความรับผิดชอบต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ควรแบ่งความรับผิดชอบออกจากกัน 4.สร้างวัฒนธรรมองค์กรต่อการทำงานของ กกต.ร่วมกัน 5.ไม่กระทำการใดอันอาจทำให้ประชาชนขาดความศรัทธา และนำไปสู่ความไม่น่าเชื่อถือต่อการเลือกตั้ง 6.ให้มีการใช้งบประมาณด้วยความประหยัดและจำเป็น และ 7.การสับเปลี่ยนตำแหน่งประธาน หรือกรรมการ กกต.โดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย หรือเป็นการกระทำที่ไม่สมควร หากฝ่าฝืนต้องพ้นจากตำแหน่ง
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย กรรมาธิการฯ กล่าวถึงการเสนอร่างกฎหมายลูกว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่า สิ่งสำคัญคือการทำให้เกิดการเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม โดยเสนอให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดการเลือกตั้ง และ กกต.ทำหน้าที่ควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ขณะเดียวกันยังเสนอให้ กกต.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินก่อนและหลังเข้ารับตำแหน่งต่อสาธารณะเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมาตรการในการป้องกันปัญหาการทุจริตได้ เพราะถือว่า กกต.เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขณะเดียวกันยังให้ กกต. จัดตั้งกองทุนปราบปรามทุจริตการเลือกตั้งเพื่อดำเนินการทั้งคนซื้อเสียงและขายเสียง
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ กรรมาธิการฯ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญจึงมีมาตรการในการกำกับและมีกฎหมายให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคในการมีส่วนในการควบคุมกำกับดูแลสมาชิกพรรคเพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริต พร้อมเสนอให้ กกต.ออกกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานเพื่อสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งกำหนดเรื่องของตำแหน่งประธานและกรรมการการเลือกตั้งที่ควรกำหนดให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการฮั้วกัน ขณะที่ในส่วนของ กกต.จังหวัด เสนอยกเครื่อง ปรับ กกต. จังหวัด ไม่ให้เป็นข้าราชการประจำ และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนในการตรวจสอบการทำงานเพื่อเป็นการเชื่อมโยงของทุกภาคโดยให้เข้าชื่อ 300 คนยื่นคำร้องตรวจสอบการทำหน้าที่เพื่อถ่วงดุล
นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมาธิการฯ กล่าวถึงประเด็นการเซตซีโร่ ว่า ให้ กกต.ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ประกาศใช้ และให้บัญญัติในกฎหมายลูกว่าให้ กกต.ที่ไม่ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญใหม่อยู่ปฏิบัติหน้าต่อไปจนครบ 7 ปีตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่แค่ครบวาระที่นับจากการแต่งตั้ง
ขณะที่ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน สมาชิก สปท. เสนอให้ถอนเรื่องที่เสนอการให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้งออก และห้ามให้ข้าราชการประจำจังหวัดเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดออกจากรายงานฉบับนี้ เพราะเห็นว่าขัดต่อหลักการ
ทั้งนี้ สปท.ลงมติผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 150 ต่อ 5 คะแนน งดออกเสียง 10 คะแนน ส่งเรื่องให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต่อไป.-สำนักข่าวไทย