วอชิงตัน 19 มี.ค.- ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ความสัมพันธ์ของรัสเซียและชาติตะวันตกจะยิ่งทวีความตึงเครียด หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินชนะเลือกตั้งได้ดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัย
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีปูตินเลือกประกาศชัยชนะการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ในคอนเสิร์ตกลางแจ้งฉลองการผนวกคาบสมุทรไครเมียเมื่อ 4 ปีก่อนที่เป็นชนวนความขัดแย้งสำคัญระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก และในช่วงหาเสียงหลายสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง เขาแทบไม่ได้พูดถึงแผนการปฏิรูปในประเทศ แต่คุยเรื่องกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ใหม่ที่สามารถเอาชนะการป้องกันด้วยขีปนาวุธทุกอย่างของสหรัฐ เสริมด้วยรายงานข่าวตามสถานีโทรทัศน์ของรัฐที่มีแต่เรื่องสหรัฐและพันธมิตรเป็นภัยคุกคามรัสเซีย
นายเกล็บ ปาฟลอฟสกี อดีตที่ปรึกษาทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียที่กลายมาเป็นนักวิจารณ์ปูตินคนสำคัญชี้ว่า ปูตินจะต้องจัดการกับชนชั้นปกครองที่จะแข่งกันมีอิทธิพลหลังสิ้นสุดยุคของเขา จึงต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบเสี่ยงมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากการตอบโต้นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษที่กล่าวหารัสเซียว่าวางยาอดีตสายลับสองหน้าในอังกฤษว่า ผู้มีวิจารณญาณจะรู้ว่าเป็นเรื่องโง่ บ้าและไร้สาระที่จะคิดว่ารัสเซียทำเรื่องแบบนั้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
เช่นเดียวกับนายวลาดิเมียร์ โฟรลอฟ นักวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศอิสระในรัสเซียที่มองว่า ปูตินต้องการเพิ่มความตึงเครียดเพื่อรวบรวมอำนาจในประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น ในช่วงที่ชนชั้นปกครองกำลังแย่งชิงอำนาจหลังเขาลงจากตำแหน่ง สัญญาณแรกที่จะบ่งชี้ว่าเขาจะจัดการกับผู้สืบทอดตำแหน่งอย่างไรจะแสดงให้เห็นในคณะรัฐมนตรีที่เขาจะตั้งขึ้นหลังสาบานตนในเดือนพฤษภาคม นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากปูตินจะหาทางขยายวาระดำรงตำแหน่งออกไปอีกหลังครบวาระ 6 ปีในปี 2567 ที่เขาจะมีอายุ 71 ปี ในเวลานั้น.-สำนักข่าวไทย