นายกฯ ให้การต้อนรับ ‘นายกฯ อินเดีย’ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ

ทำเนียบรัฐบาล 3 เม.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” ให้การต้อนรับ นายกฯ อินเดีย เยือนไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือ กระชับความสัมพันธ์ในทุกมิติ ยกระดับสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เดินหน้าขยายโอกาสและศักยภาพความร่วมมือระหว่างกัน


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายนเรนทร โมที (H.E. Mr. Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

โดยนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีอินเดียได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายกรัฐมนตรี เชิญนายกรัฐมนตรีอินเดีย ไปยังห้องสีม่วง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี และลงนามในสมุดเยี่ยม พร้อมชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน


จากนั้น นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได่ร่วมหารือข้อราชการเต็มคณะ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดียและคณะ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียที่มีความใกล้ชิดมายาวนาน โดยตลอดระยะเวลากว่า 7 ทศวรรษของความสัมพันธ์ทางการทูต ไทยและอินเดียมีความร่วมมือขยายครอบคลุมทุกสาขา ซึ่งนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน อันเป็นผลลัพธ์สำคัญของการเยือนในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณรัฐบาลอินเดียที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครมหาสาวกมาประดิษฐานที่ไทยเป็นการชั่วคราว ซึ่งมีชาวไทยมาสักการะมากกว่า 4 ล้านคน สะท้อนถึงความสำคัญของพุทธศาสนาซึ่งเป็นหลักเชื่อมโยงประชาชนของทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวในนามรัฐบาลและประชาชนชาวอินเดีย ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในไทย และขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลไทยและประชาชนคนไทย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียที่มีความเข้มแข็งมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับประชาชน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความร่วมมือระหว่างกันที่ใกล้ชิดในหลายมิติ


โดยนายกรัฐมนตรีอินเดียเห็นว่า ไทยและอินเดียมีแนวนโยบายที่สอดคล้องกัน ซึ่งสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมทั้งแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของไทยในฐานะประธานบิมสเทค ซึ่งภายใต้การเป็นประธานของไทย บิมสเทคมีข้อริเริ่มและโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยเชื่อมั่นว่า การดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 จะนำทิศทางและแรงผลักดันใหม่ให้กับบิมสเทค โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียยังได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมพิจารณาเยือนอินเดียในโอกาสแรก

สำหรับประเด็นการหารือความร่วมมือที่สำคัญ ประกอบด้วย

1.การทหารและความมั่นคง โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่กลไกความร่วมมือด้านการทหารระหว่างไทยกับอินเดียมีพัฒนาการที่สำคัญ โดยไทยพร้อมต่อยอดความร่วมมือไปยังสาขาใหม่ ๆ เพิ่มเติม อาทิ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และอวกาศ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยมีส่วนร่วมในกระบวนการวิจัย ผลิตอาวุธ และซ่อมบำรุงในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของอินเดีย ผ่านการจัดตั้ง Joint Working Group on Defense Industry โดยเร็ว เพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรม ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียต้องการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการลาดตระเวนในช่องแคบมะละกา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าการเข้าร่วมลาดตระเวนฯ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศอื่น ๆ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งเดิมไทยเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ และต่อมาในปี ค.ศ. 2009 ถึงได้เข้าร่วมการฝึกอย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ การลักลอบขนยาเสพติด และการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ชื่นชมนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของอินเดียที่ครอบคลุม และต้องการกระชับความร่วมมือกับอินเดียเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านกลไกทวิภาคีและพหุภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งฝ่ายอินเดียพร้อมร่วมมืออย่างเต็มที่

2. เศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยและอินเดียยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกันได้อีกมาก โดยนายกรัฐมนตรี ขอให้ฝ่ายอินเดียพิจารณาผ่อนปรนมาตรการการนำเข้าสินค้า เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการค้าระหว่างกัน โดยสินค้าหลายประเภทของไทยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตสินค้าซึ่งสนับสนุนนโยบาย Make in India ของอินเดีย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังเสนอให้มีการยกระดับกลไกการหารือด้านการค้า โดยเฉพาะการยกระดับการประชุม Joint Trade Committee เป็นระดับรัฐมนตรี การพิจารณาปรับปรุงความตกลงการค้าเสรีไทย – อินเดีย และความตกลง ASEAN – India Trade in Goods ให้ครอบคลุมสินค้ามากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตระหว่างกัน รวมถึงสนับสนุนให้มีการจัด India – Thailand Joint Business Forum (ITJBF) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเวทีให้ภาคเอกชนสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เชิญชวนนักลงทุนอินเดียให้เข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอินเดียมีความเชี่ยวชาญ พร้อมขอให้ฝ่ายอินเดียให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในอินเดียด้วย

  1. ความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า อินเดียเป็นประเทศหุ้นส่วนสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะโครงการถนนสามฝ่าย ไทย – เมียนมา – อินเดีย (India – Myanmar – Thailand Trilateral Highway Project) ซึ่งทั้งสองฝ่ายพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ และสำหรับการเชื่อมโยงทางทะเล ไทยมีโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะสร้างความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมทางทะเล เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนอินเดียมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ไทยยังมีแผนที่จะพัฒนาท่าเรือระนอง ให้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าหลักเชื่อมต่อท่าเรือทางฝั่งตะวันออกของอินเดีย และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งจะสนับสนุนความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC ที่จะลงนามในวันพรุ่งนี้(4 เม.ย.) ให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม

ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดีย เน้นย้ำว่า ภาคเอกชนอินเดียต้องการมีส่วนร่วมในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย และพร้อมร่วมกับฝ่ายไทยผลักดันการเชื่อมโยงระบบจ่ายเงินออนไลน์ระหว่าง UPI ของอินเดียกับพร้อมเพย์ของไทย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

  1. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยมองอินเดียเป็นต้นแบบของการสร้างระบบนิเวศสำหรับการฟูมฟักสตาร์ทอัพ และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายระหว่างสตาร์ทอัพของทั้งสองประเทศ พร้อมหวังว่าจะมีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ เช่น ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม AI และอวกาศ ซึ่งอินเดียมีความก้าวหน้าในด้านนี้ และไทยต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันต่อไป
  2. สังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและอินเดียมีการแลกเปลี่ยนด้านสังคมและวัฒนธรรมระหว่างกันที่ใกล้ชิด โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียมีส่วนสำคัญและเป็นรากฐานต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย นอกจากนี้ ในปัจจุบัน เยาวชนไทยให้ความสนใจเกี่ยวกับอินเดียมากขึ้น มีการตั้งศูนย์อินเดียศึกษาทั้งที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และตามภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงมีนักเรียนไทยกำลังศึกษาในอินเดียประมาณ 600 คน ในสถาบันการศึกษาชั้นนำ ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียเห็นว่า ไทยและอินเดียมีมรดกวัฒนธรรมทางภาษาและพุทธศาสนาที่เชื่อมโยงประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายควรสืบสานและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับประโยชน์จากมรดกเหล่านี้
  3. การท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center: TAC) เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั่วประเทศ พร้อมทั้งยินดีที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไก Consular Dialogue เพื่อการคุ้มครองดูแลประชาชนซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและอินเดียยังสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างกันได้มากขึ้น ผ่านการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองอื่น ๆ ของไทยและอินเดียมากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนกองถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาจากอินเดียให้ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ และใช้บริการขั้นหลังการผลิต (Post Production) ที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยาของไทย

นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยินดีที่ไทยและอินเดียมีการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวที่ใกล้ชิด และทั้งสองฝ่ายมีมาตรการที่สนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยไทยมีการยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ขณะเดียวกัน อินเดียได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยว (e-Tourist visa) ให้แก่นักท่องเที่ยวไทยเช่นกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียพร้อมสนับสนุนข้อเสนอของไทยในการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองอื่นของไทยและอินเดียมากขึ้น และยินดีที่ไทยพร้อมมีส่วนร่วมในการพัฒนาและขยายเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา (Buddhist Circuit) ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

7.ความร่วมมือในกรอบอาเซียน ไทยพร้อมร่วมมือกับอินเดีย ผ่านกรอบอาเซียน – อินเดียในหลายสาขา ได้แก่ เทคโนโลยีดิจิทัล ความมั่นคงทางไซเบอร์ AI การศึกษา และเทคโนโลยีอวกาศ พร้อมเพิ่มพูนการใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันในภูมิภาค ผ่านการเจรจาการทบทวนความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน – อินเดียภายในปีนี้ นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนข้อริเริ่มของอินเดียในการฉลองให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวอาเซียน – อินเดีย ซึ่งไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม “ASEAN – India Forum: Journey of Opportunities” รวมถึงการจัดฝึกอบรมภาษาฮินดีให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของไทยและอาเซียน

นอกจากนี้ทั้งสองฝ่าย ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งไทยและอินเดียต่างมีพรมแดนติดกับเมียนมา โดยต่างต้องการเห็นเมียนมาที่มีความสงบสุข มั่นคง และเป็นปึกแผ่น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไทยและอินเดียในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาโดยเร่งด่วนแล้ว ซึ่งในระยะต่อไปทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างยั่งยืนต่อไป โดยหนึ่งในความช่วยเหลือที่จะเกิดประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดคือ โครงการถนนสามฝ่าย ไทย – เมียนมา – อินเดีย ที่จะช่วยฟื้นฟูและส่งเสริมเศรษฐกิจชายแดนระหว่างไทย อินเดีย และเมียนมา ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียสนับสนุน ฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน เพื่อยุติความขัดแย้งในเมียนมา .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“มทภ.2” ชี้เขมรไว้ใจไม่ได้-ชายแดนยัง 50-50 หากปะทะพร้อมสู้

วปอ. 19 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” ลั่นกลางวง วปอ. เหตุชายแดนยัง 50-50 ชี้ ‘เขมร’ ไว้ใจไม่ได้ หากปะทะพร้อมสู้ เตรียมคุย ‘อาร์บีซี’ ปลาย ส.ค.นี้ หวังคุยกันเข้าใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ตั้งกรรมการสอบปมหนังสือต้อนรับ “เดชอิศม์”

สงขลา 19 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนังสือราชการมีลายเซ็นผู้ว่าฯ ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก “เดชอิศม์” ขีดเส้นแล้วเสร็จใน 30 วัน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพหนังสือราชการที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางมาราชการในพื้นที่ จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลา คณะกรรมการดังกล่าวมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานกรรมการฯ ให้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนรายงานผล พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง เพื่อพิจารณาสั่งการ และหากปรากฏมีการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กมหาดไทย 25 ตำแหน่ง

ทำเนียบ 19 ส.ค. – ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” อธิบดี พช. นั่งพ่อเมืองปากน้ำ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เช่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ยกเว้นนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย