นายกฯ ให้การต้อนรับ ‘นายกฯ อินเดีย’ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ

ทำเนียบรัฐบาล 3 เม.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” ให้การต้อนรับ นายกฯ อินเดีย เยือนไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือ กระชับความสัมพันธ์ในทุกมิติ ยกระดับสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เดินหน้าขยายโอกาสและศักยภาพความร่วมมือระหว่างกัน


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายนเรนทร โมที (H.E. Mr. Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

โดยนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีอินเดียได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายกรัฐมนตรี เชิญนายกรัฐมนตรีอินเดีย ไปยังห้องสีม่วง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี และลงนามในสมุดเยี่ยม พร้อมชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน


จากนั้น นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได่ร่วมหารือข้อราชการเต็มคณะ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดียและคณะ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียที่มีความใกล้ชิดมายาวนาน โดยตลอดระยะเวลากว่า 7 ทศวรรษของความสัมพันธ์ทางการทูต ไทยและอินเดียมีความร่วมมือขยายครอบคลุมทุกสาขา ซึ่งนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน อันเป็นผลลัพธ์สำคัญของการเยือนในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณรัฐบาลอินเดียที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครมหาสาวกมาประดิษฐานที่ไทยเป็นการชั่วคราว ซึ่งมีชาวไทยมาสักการะมากกว่า 4 ล้านคน สะท้อนถึงความสำคัญของพุทธศาสนาซึ่งเป็นหลักเชื่อมโยงประชาชนของทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวในนามรัฐบาลและประชาชนชาวอินเดีย ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในไทย และขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลไทยและประชาชนคนไทย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียที่มีความเข้มแข็งมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับประชาชน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความร่วมมือระหว่างกันที่ใกล้ชิดในหลายมิติ


โดยนายกรัฐมนตรีอินเดียเห็นว่า ไทยและอินเดียมีแนวนโยบายที่สอดคล้องกัน ซึ่งสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมทั้งแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของไทยในฐานะประธานบิมสเทค ซึ่งภายใต้การเป็นประธานของไทย บิมสเทคมีข้อริเริ่มและโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยเชื่อมั่นว่า การดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 จะนำทิศทางและแรงผลักดันใหม่ให้กับบิมสเทค โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียยังได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมพิจารณาเยือนอินเดียในโอกาสแรก

สำหรับประเด็นการหารือความร่วมมือที่สำคัญ ประกอบด้วย

1.การทหารและความมั่นคง โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่กลไกความร่วมมือด้านการทหารระหว่างไทยกับอินเดียมีพัฒนาการที่สำคัญ โดยไทยพร้อมต่อยอดความร่วมมือไปยังสาขาใหม่ ๆ เพิ่มเติม อาทิ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และอวกาศ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยมีส่วนร่วมในกระบวนการวิจัย ผลิตอาวุธ และซ่อมบำรุงในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของอินเดีย ผ่านการจัดตั้ง Joint Working Group on Defense Industry โดยเร็ว เพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรม ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียต้องการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการลาดตระเวนในช่องแคบมะละกา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าการเข้าร่วมลาดตระเวนฯ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศอื่น ๆ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งเดิมไทยเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ และต่อมาในปี ค.ศ. 2009 ถึงได้เข้าร่วมการฝึกอย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ การลักลอบขนยาเสพติด และการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ชื่นชมนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของอินเดียที่ครอบคลุม และต้องการกระชับความร่วมมือกับอินเดียเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านกลไกทวิภาคีและพหุภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งฝ่ายอินเดียพร้อมร่วมมืออย่างเต็มที่

2. เศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยและอินเดียยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกันได้อีกมาก โดยนายกรัฐมนตรี ขอให้ฝ่ายอินเดียพิจารณาผ่อนปรนมาตรการการนำเข้าสินค้า เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการค้าระหว่างกัน โดยสินค้าหลายประเภทของไทยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตสินค้าซึ่งสนับสนุนนโยบาย Make in India ของอินเดีย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังเสนอให้มีการยกระดับกลไกการหารือด้านการค้า โดยเฉพาะการยกระดับการประชุม Joint Trade Committee เป็นระดับรัฐมนตรี การพิจารณาปรับปรุงความตกลงการค้าเสรีไทย – อินเดีย และความตกลง ASEAN – India Trade in Goods ให้ครอบคลุมสินค้ามากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตระหว่างกัน รวมถึงสนับสนุนให้มีการจัด India – Thailand Joint Business Forum (ITJBF) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเวทีให้ภาคเอกชนสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เชิญชวนนักลงทุนอินเดียให้เข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอินเดียมีความเชี่ยวชาญ พร้อมขอให้ฝ่ายอินเดียให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในอินเดียด้วย

  1. ความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า อินเดียเป็นประเทศหุ้นส่วนสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะโครงการถนนสามฝ่าย ไทย – เมียนมา – อินเดีย (India – Myanmar – Thailand Trilateral Highway Project) ซึ่งทั้งสองฝ่ายพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ และสำหรับการเชื่อมโยงทางทะเล ไทยมีโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะสร้างความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมทางทะเล เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนอินเดียมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ไทยยังมีแผนที่จะพัฒนาท่าเรือระนอง ให้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าหลักเชื่อมต่อท่าเรือทางฝั่งตะวันออกของอินเดีย และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งจะสนับสนุนความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC ที่จะลงนามในวันพรุ่งนี้(4 เม.ย.) ให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม

ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดีย เน้นย้ำว่า ภาคเอกชนอินเดียต้องการมีส่วนร่วมในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย และพร้อมร่วมกับฝ่ายไทยผลักดันการเชื่อมโยงระบบจ่ายเงินออนไลน์ระหว่าง UPI ของอินเดียกับพร้อมเพย์ของไทย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

  1. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยมองอินเดียเป็นต้นแบบของการสร้างระบบนิเวศสำหรับการฟูมฟักสตาร์ทอัพ และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายระหว่างสตาร์ทอัพของทั้งสองประเทศ พร้อมหวังว่าจะมีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ เช่น ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม AI และอวกาศ ซึ่งอินเดียมีความก้าวหน้าในด้านนี้ และไทยต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันต่อไป
  2. สังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและอินเดียมีการแลกเปลี่ยนด้านสังคมและวัฒนธรรมระหว่างกันที่ใกล้ชิด โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียมีส่วนสำคัญและเป็นรากฐานต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย นอกจากนี้ ในปัจจุบัน เยาวชนไทยให้ความสนใจเกี่ยวกับอินเดียมากขึ้น มีการตั้งศูนย์อินเดียศึกษาทั้งที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และตามภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงมีนักเรียนไทยกำลังศึกษาในอินเดียประมาณ 600 คน ในสถาบันการศึกษาชั้นนำ ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียเห็นว่า ไทยและอินเดียมีมรดกวัฒนธรรมทางภาษาและพุทธศาสนาที่เชื่อมโยงประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายควรสืบสานและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับประโยชน์จากมรดกเหล่านี้
  3. การท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center: TAC) เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั่วประเทศ พร้อมทั้งยินดีที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไก Consular Dialogue เพื่อการคุ้มครองดูแลประชาชนซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและอินเดียยังสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างกันได้มากขึ้น ผ่านการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองอื่น ๆ ของไทยและอินเดียมากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนกองถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาจากอินเดียให้ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ และใช้บริการขั้นหลังการผลิต (Post Production) ที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยาของไทย

นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยินดีที่ไทยและอินเดียมีการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวที่ใกล้ชิด และทั้งสองฝ่ายมีมาตรการที่สนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยไทยมีการยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ขณะเดียวกัน อินเดียได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยว (e-Tourist visa) ให้แก่นักท่องเที่ยวไทยเช่นกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียพร้อมสนับสนุนข้อเสนอของไทยในการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองอื่นของไทยและอินเดียมากขึ้น และยินดีที่ไทยพร้อมมีส่วนร่วมในการพัฒนาและขยายเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา (Buddhist Circuit) ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

7.ความร่วมมือในกรอบอาเซียน ไทยพร้อมร่วมมือกับอินเดีย ผ่านกรอบอาเซียน – อินเดียในหลายสาขา ได้แก่ เทคโนโลยีดิจิทัล ความมั่นคงทางไซเบอร์ AI การศึกษา และเทคโนโลยีอวกาศ พร้อมเพิ่มพูนการใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันในภูมิภาค ผ่านการเจรจาการทบทวนความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน – อินเดียภายในปีนี้ นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนข้อริเริ่มของอินเดียในการฉลองให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวอาเซียน – อินเดีย ซึ่งไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม “ASEAN – India Forum: Journey of Opportunities” รวมถึงการจัดฝึกอบรมภาษาฮินดีให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของไทยและอาเซียน

นอกจากนี้ทั้งสองฝ่าย ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งไทยและอินเดียต่างมีพรมแดนติดกับเมียนมา โดยต่างต้องการเห็นเมียนมาที่มีความสงบสุข มั่นคง และเป็นปึกแผ่น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไทยและอินเดียในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาโดยเร่งด่วนแล้ว ซึ่งในระยะต่อไปทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างยั่งยืนต่อไป โดยหนึ่งในความช่วยเหลือที่จะเกิดประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดคือ โครงการถนนสามฝ่าย ไทย – เมียนมา – อินเดีย ที่จะช่วยฟื้นฟูและส่งเสริมเศรษฐกิจชายแดนระหว่างไทย อินเดีย และเมียนมา ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียสนับสนุน ฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน เพื่อยุติความขัดแย้งในเมียนมา .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 […]

ตชด.ลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 29 มิ.ย. – ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ลาดตระเวน ตั้งบังเกอร์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.โคกสูง เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชม. หลังมีรายงานกลุ่มชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืช-สร้างสิ่งปลูกสร้าง ละเมิดข้อตกลง MOU 43 วันนี้ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 (ตชด.12) จัดกำลังลาดตระเวนแนวชายแดนในพื้นที่เปราะบาง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกสูง และอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากมีกรณีข้อพิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่ยังเป็นพื้นที่ข้อพิพาทจากแนวเขตตาม MOU ปี 2543 ซึ่งห้ามทั้งสองประเทศสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตชด.12 ในการตรวจจุดแนวชายแดน โดยเริ่มจากแนวตะเข็บรอยต่อบริเวณอำเภอโคกสูง ซึ่งติดกับ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่เรียกว่าดินต่อดิน ซึ่งเป็นแนวกั้นธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ ที่มีคลองธรรมชาติ ซึ่งแนวคลองลึกและจะมีแนวลวดหนามกั้นชัดเจนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ เผยว่า บริเวณ อ.โคกสูง มีรายงานว่ากลุ่มชาวกัมพูชา ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืชหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ซึ่งละเมิดข้อตกลง […]

น้องสาว ผกก.โจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการตายของพี่ชาย

กทม. 29 มิ.ย.-น้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการเสียชีวิตของพี่ชาย และเร่งทำคดี เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรม หลังผ่านมา 4 เดือน คดียังไม่คืบ ส่วนบรรยากาศงานฌาปนกิจวันนี้ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า เวลา 15.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรลักษณ์มหาวิหาร หลังเก็บศพมานานกว่า 4 เดือน บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้าของบุคคลในครอบครัว ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น ตลอดจนอดีตผู้บังคับบัญชาอย่างพลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ส. และผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าที่สนิทสนม ได้เดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจวันนี้ด้วย ขณะที่ นางสาวศรัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของผู้กำกับโจ้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า หลังจากตนพร้อมแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ เดินทางยื่นคำร้องขอให้ DSI รับคดีการเสียชีวิตของพี่ชายเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากติดใจสาเหตุการการตายของพี่ชาย จนถึงขณะนี้นาน 4 เดือนแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ซึ่งล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม […]

คปท.แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่หนุนรัฐประหาร

กทม. 29 มิ.ย.- คปท. แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่สนับสนุนรัฐประหาร และไม่คิดสนับสนุนรัฐประหารแน่นอน นัดหารือใหญ่ 1 ก.ค.นี้ ยกระดับขับไล่นายกฯ-พรรคร่วม เวลา 14.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ร่วมแถลงจุดยืน ภายหลังการชุมนุมใหญ่เมื่อวานนี้ แต่ปรากฏว่าการปราศรัยของแกนนำบนเวทีบางคนกลับมีเนื้อหาที่เปิดทางให้กับการรัฐประหาร ทำให้ในวันนี้นายพิชิต ต้องออกมาแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงว่า พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกำลังกล่าวหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมว่าสนับสนุนรัฐประหาร ทั้งที่ควรจะกดดันให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ยืนยันว่าแนวทางของ คปท. ไม่เคยเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารจากกองทัพใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบต่อคำพูด และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และการที่ คปท. ยืนเคียงข้างกองทัพปกป้องอธิปไตยของชาติ ก็ไม่ได้มีความหมายถึงการรัฐประหารแต่อย่างใด ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ แกนนำ คปท. จะประชุมร่วมกับแกนนำทุกของคน “รวมพลังแผ่นดิน” ในวันอังคารที่ 1 กรกฎาคมนี้ ว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งจะเป็นการยกระดับกิจกรรมหลังวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อทำกิจกรรมให้เข้มข้นขึ้น อาจจะยังไม่ถึงขั้นปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่พื้นที่การชุมนุมก็คงจะใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากขึ้น และไม่ใช้พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว […]