นายกฯ ให้การต้อนรับ ‘นายกฯ อินเดีย’ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ

ทำเนียบรัฐบาล 3 เม.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” ให้การต้อนรับ นายกฯ อินเดีย เยือนไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือ กระชับความสัมพันธ์ในทุกมิติ ยกระดับสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เดินหน้าขยายโอกาสและศักยภาพความร่วมมือระหว่างกัน


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายนเรนทร โมที (H.E. Mr. Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

โดยนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีอินเดียได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายกรัฐมนตรี เชิญนายกรัฐมนตรีอินเดีย ไปยังห้องสีม่วง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี และลงนามในสมุดเยี่ยม พร้อมชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน


จากนั้น นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได่ร่วมหารือข้อราชการเต็มคณะ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดียและคณะ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียที่มีความใกล้ชิดมายาวนาน โดยตลอดระยะเวลากว่า 7 ทศวรรษของความสัมพันธ์ทางการทูต ไทยและอินเดียมีความร่วมมือขยายครอบคลุมทุกสาขา ซึ่งนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน อันเป็นผลลัพธ์สำคัญของการเยือนในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณรัฐบาลอินเดียที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครมหาสาวกมาประดิษฐานที่ไทยเป็นการชั่วคราว ซึ่งมีชาวไทยมาสักการะมากกว่า 4 ล้านคน สะท้อนถึงความสำคัญของพุทธศาสนาซึ่งเป็นหลักเชื่อมโยงประชาชนของทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวในนามรัฐบาลและประชาชนชาวอินเดีย ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในไทย และขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลไทยและประชาชนคนไทย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียที่มีความเข้มแข็งมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับประชาชน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความร่วมมือระหว่างกันที่ใกล้ชิดในหลายมิติ


โดยนายกรัฐมนตรีอินเดียเห็นว่า ไทยและอินเดียมีแนวนโยบายที่สอดคล้องกัน ซึ่งสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมทั้งแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของไทยในฐานะประธานบิมสเทค ซึ่งภายใต้การเป็นประธานของไทย บิมสเทคมีข้อริเริ่มและโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยเชื่อมั่นว่า การดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 จะนำทิศทางและแรงผลักดันใหม่ให้กับบิมสเทค โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียยังได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมพิจารณาเยือนอินเดียในโอกาสแรก

สำหรับประเด็นการหารือความร่วมมือที่สำคัญ ประกอบด้วย

1.การทหารและความมั่นคง โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่กลไกความร่วมมือด้านการทหารระหว่างไทยกับอินเดียมีพัฒนาการที่สำคัญ โดยไทยพร้อมต่อยอดความร่วมมือไปยังสาขาใหม่ ๆ เพิ่มเติม อาทิ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และอวกาศ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยมีส่วนร่วมในกระบวนการวิจัย ผลิตอาวุธ และซ่อมบำรุงในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของอินเดีย ผ่านการจัดตั้ง Joint Working Group on Defense Industry โดยเร็ว เพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรม ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียต้องการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการลาดตระเวนในช่องแคบมะละกา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าการเข้าร่วมลาดตระเวนฯ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศอื่น ๆ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งเดิมไทยเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ และต่อมาในปี ค.ศ. 2009 ถึงได้เข้าร่วมการฝึกอย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ การลักลอบขนยาเสพติด และการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ชื่นชมนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของอินเดียที่ครอบคลุม และต้องการกระชับความร่วมมือกับอินเดียเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านกลไกทวิภาคีและพหุภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งฝ่ายอินเดียพร้อมร่วมมืออย่างเต็มที่

2. เศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยและอินเดียยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกันได้อีกมาก โดยนายกรัฐมนตรี ขอให้ฝ่ายอินเดียพิจารณาผ่อนปรนมาตรการการนำเข้าสินค้า เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการค้าระหว่างกัน โดยสินค้าหลายประเภทของไทยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตสินค้าซึ่งสนับสนุนนโยบาย Make in India ของอินเดีย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังเสนอให้มีการยกระดับกลไกการหารือด้านการค้า โดยเฉพาะการยกระดับการประชุม Joint Trade Committee เป็นระดับรัฐมนตรี การพิจารณาปรับปรุงความตกลงการค้าเสรีไทย – อินเดีย และความตกลง ASEAN – India Trade in Goods ให้ครอบคลุมสินค้ามากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตระหว่างกัน รวมถึงสนับสนุนให้มีการจัด India – Thailand Joint Business Forum (ITJBF) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเวทีให้ภาคเอกชนสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เชิญชวนนักลงทุนอินเดียให้เข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอินเดียมีความเชี่ยวชาญ พร้อมขอให้ฝ่ายอินเดียให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในอินเดียด้วย

  1. ความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า อินเดียเป็นประเทศหุ้นส่วนสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะโครงการถนนสามฝ่าย ไทย – เมียนมา – อินเดีย (India – Myanmar – Thailand Trilateral Highway Project) ซึ่งทั้งสองฝ่ายพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ และสำหรับการเชื่อมโยงทางทะเล ไทยมีโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะสร้างความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมทางทะเล เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนอินเดียมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ไทยยังมีแผนที่จะพัฒนาท่าเรือระนอง ให้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าหลักเชื่อมต่อท่าเรือทางฝั่งตะวันออกของอินเดีย และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งจะสนับสนุนความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC ที่จะลงนามในวันพรุ่งนี้(4 เม.ย.) ให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม

ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดีย เน้นย้ำว่า ภาคเอกชนอินเดียต้องการมีส่วนร่วมในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย และพร้อมร่วมกับฝ่ายไทยผลักดันการเชื่อมโยงระบบจ่ายเงินออนไลน์ระหว่าง UPI ของอินเดียกับพร้อมเพย์ของไทย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

  1. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยมองอินเดียเป็นต้นแบบของการสร้างระบบนิเวศสำหรับการฟูมฟักสตาร์ทอัพ และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายระหว่างสตาร์ทอัพของทั้งสองประเทศ พร้อมหวังว่าจะมีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ เช่น ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม AI และอวกาศ ซึ่งอินเดียมีความก้าวหน้าในด้านนี้ และไทยต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันต่อไป
  2. สังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและอินเดียมีการแลกเปลี่ยนด้านสังคมและวัฒนธรรมระหว่างกันที่ใกล้ชิด โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียมีส่วนสำคัญและเป็นรากฐานต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย นอกจากนี้ ในปัจจุบัน เยาวชนไทยให้ความสนใจเกี่ยวกับอินเดียมากขึ้น มีการตั้งศูนย์อินเดียศึกษาทั้งที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และตามภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงมีนักเรียนไทยกำลังศึกษาในอินเดียประมาณ 600 คน ในสถาบันการศึกษาชั้นนำ ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียเห็นว่า ไทยและอินเดียมีมรดกวัฒนธรรมทางภาษาและพุทธศาสนาที่เชื่อมโยงประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายควรสืบสานและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับประโยชน์จากมรดกเหล่านี้
  3. การท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center: TAC) เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั่วประเทศ พร้อมทั้งยินดีที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไก Consular Dialogue เพื่อการคุ้มครองดูแลประชาชนซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและอินเดียยังสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างกันได้มากขึ้น ผ่านการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองอื่น ๆ ของไทยและอินเดียมากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนกองถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาจากอินเดียให้ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ และใช้บริการขั้นหลังการผลิต (Post Production) ที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยาของไทย

นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยินดีที่ไทยและอินเดียมีการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวที่ใกล้ชิด และทั้งสองฝ่ายมีมาตรการที่สนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยไทยมีการยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ขณะเดียวกัน อินเดียได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยว (e-Tourist visa) ให้แก่นักท่องเที่ยวไทยเช่นกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียพร้อมสนับสนุนข้อเสนอของไทยในการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองอื่นของไทยและอินเดียมากขึ้น และยินดีที่ไทยพร้อมมีส่วนร่วมในการพัฒนาและขยายเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา (Buddhist Circuit) ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

7.ความร่วมมือในกรอบอาเซียน ไทยพร้อมร่วมมือกับอินเดีย ผ่านกรอบอาเซียน – อินเดียในหลายสาขา ได้แก่ เทคโนโลยีดิจิทัล ความมั่นคงทางไซเบอร์ AI การศึกษา และเทคโนโลยีอวกาศ พร้อมเพิ่มพูนการใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันในภูมิภาค ผ่านการเจรจาการทบทวนความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน – อินเดียภายในปีนี้ นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนข้อริเริ่มของอินเดียในการฉลองให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวอาเซียน – อินเดีย ซึ่งไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม “ASEAN – India Forum: Journey of Opportunities” รวมถึงการจัดฝึกอบรมภาษาฮินดีให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของไทยและอาเซียน

นอกจากนี้ทั้งสองฝ่าย ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งไทยและอินเดียต่างมีพรมแดนติดกับเมียนมา โดยต่างต้องการเห็นเมียนมาที่มีความสงบสุข มั่นคง และเป็นปึกแผ่น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไทยและอินเดียในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาโดยเร่งด่วนแล้ว ซึ่งในระยะต่อไปทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างยั่งยืนต่อไป โดยหนึ่งในความช่วยเหลือที่จะเกิดประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดคือ โครงการถนนสามฝ่าย ไทย – เมียนมา – อินเดีย ที่จะช่วยฟื้นฟูและส่งเสริมเศรษฐกิจชายแดนระหว่างไทย อินเดีย และเมียนมา ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียสนับสนุน ฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน เพื่อยุติความขัดแย้งในเมียนมา .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟล้ม 24 ต้น ทำไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้าพัง

เชียงใหม่ 8 ก.ย.-วินาศสันตะโร กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟฟ้าล้ม 24 ต้น บนถนนหนองฮ่อ อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้ไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้ากว่า 10 หลัง พังเสียหาย ส่วนรถเสียหายนับสิบคัน ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง อุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังรถกระบะบรรทุกน้ำดื่มเอกชนพุ่งชนเสาไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนถึง สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ประมาณ 300 เมตร โดยรถกระบะได้พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่นลงมา ก่อนที่รถจะเกี่ยวเข้ากับสายไฟลากไปอีกหลายสิบเมตร ทำให้สายไฟถูกดึงจนทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มต่อๆ กันลงมาขวางถนนรวมแล้วกว่า 24 ต้น เสาไฟกิ่งเสียหาย 25 ต้น ทับบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าพังเสียหายกว่า 10 หลัง และยังมีรถยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน ริมถนน และที่ขับผ่านมา ถูกทับเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 10 คัน นอกจากนี้สายไฟฟ้าที่ถูกดึงจนขาดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านอาหารบริเวณดังกล่าวจนวอดเสียหายเกือบทั้งหมด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะสีขาว เป็นรถขนส่งน้ำดื่มอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ ถังน้ำดื่มตกเกลื่อน พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน เป็นพนักงานขับรถและคนงานที่นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำออกมาจากรถนำส่งโรงพยาบาล โดยพนักงานที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาล […]

ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ” เข้าเรือนจำกลางคลองเปรม

คลองเปรม 9 ก.ย.- ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ” จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเรือนจำกลางคลองเปรม ขณะอยู่ในรถคุมขัง “ทักษิณ” ยิ้มเล็กน้อย พร้อมชูนิ้วโป้งขวาให้นักข่าวที่ตะโกนถาม ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร 1 ปี และส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ล่าสุด เมื่อเวลา 17.10 น. ที่ผ่านมา ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีขบวนรถตู้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร สีขาว จำนวน 3 คัน คันแรก ทะเบียน 1 นฉ 1576 กรุงเทพมหานคร คันที่สอง ทะเบียน 1 นง 7412 กรุงเทพมหานคร และคันที่สาม ทะเบียน 1 นฉ 1977 โดยทั้งหมดได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยรถตู้คันที่สอง ทะเบียน 1 นง 7412 กรุงเทพมหานคร เป็นรถตู้คันที่นายทักษิณ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าพรรคภูมิใจไทย “อนุทิน” พาโชว์ตัวนั่ง รมว.กลาโหม

พรรคภูมิใจไทย 9 ก.ย.- “พล.อ.ณัฐพล” มาตามนัด เข้าพรรคภูมิใจไทย “อนุทิน” พาโชว์ตัวนั่ง รมว.กลาโหม ประกาศให้อำนาจเต็ม ก่อนบินประชุม GBC พรุ่งนี้ ให้กัมพูชารู้ว่าเป็น “เจ้ากระทรวงปืนใหญ่” ด้าน “บิ๊กเล็ก” มั่นใจแก้ปัญหาชายแดนเร็วที่สุด ปัดตอบอึดอัด ทำหน้าที่ด้านการทหารกับรัฐบาลที่แล้ว พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าพรรคภูมิใจไทย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อพบกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงกรอบแนวทางการทำงาน โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวปรากฎชื่อในโผอนุทิน 1 นั่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ในสัดส่วนคนนอก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยหลังจากการหารือร่วมกัน นายอนุทิน ได้พา พล.อ.ณัฐพล มาโชว์ตัว และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทาง ถึงการรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ตนปฏิบัติมาโดยตลอดช่วง 2-3 วันนี้ เมื่อตนได้เชิญผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นบุคคลภายนอก จะนำมาแนะนำให้กับประชาชนได้รับทราบ ตนได้ใช้เวลาในการหารือ ในที่สุดขอเชิญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุด นส.แพทองธาร […]