รัสเซียชี้ชาติตะวันตกทำให้ต้องปรับเปลี่ยน “หลักการนิวเคลียร์”

วลาดิวอสตอก 4 ก.ย. – ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงวันนี้ว่า รัสเซียกำลังปรับเปลี่ยนหลักการนิวเคลียร์ (nuclear doctrine) เนื่องจากสหรัฐและพันธมิตรชาติตะวันตกกำลังคุกคามรัสเซีย ด้วยการทำให้สงครามในยูเครนรุนแรงขึ้น และปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงอันชอบธรรมของรัสเซีย โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีแถลงว่า สาเหตุที่ทำให้รัสเซียปรับเปลี่ยนหลักการนิวเคลียร์ ซึ่งกำหนดสถานการณ์ที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ คือ ภัยคุกคามที่ชาติตะวันตกสร้างขึ้น พร้อมกับกล่าวโทษสหรัฐว่า กำลังทำลายสถาปัตยกรรมความมั่นคงแห่งยุโรปยุคหลังสงครามเย็น ชาติตะวันตกบอกปัดการเจรจากับรัสเซีย และโจมตีผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของรัสเซีย ควบคู่ไปกับการทำให้สงครามในยูเครนทวีความรุนแรง ส่วนสหรัฐ คือ ผู้บงการกระบวนการยั่วยุความตึงเครียด อย่างไรก็ดี โฆษกกล่าวว่า จะมีการวิเคราะห์ความตึงเครียดในปัจจุบันอย่างรอบคอบ จากนั้นจึงจะกำหนดพื้นฐานของการปรับเปลี่ยนหลักการนิวเคลียร์ เป็นการบ่งชี้ว่า การทบทวนหลักการนิวเคลียร์ของรัสเซียยังอยู่ในขั้นต้นเท่านั้น หลักการนิวเคลียร์ในปัจจุบันของรัสเซียกำหนดขึ้นในปี 2565 ตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยระบุไว้ว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ในกรณีที่ถูกศัตรูโจมตีด้วยนิวเคลียร์ หรือในกรณีที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธธรรมดาที่เป็นภัยต่อการดำรงอยู่ของรัสเซียในฐานะรัฐประเทศ ข้อมูลของสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (FAS) ระบุว่า รัสเซียและสหรัฐเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์รวมกันร้อยละ 88 ของทั้งโลก และกำลังปรับปรุงคลังแสงนิวเคลียร์ให้ทันสมัย สงครามยูเครนทำให้รัสเซียและชาติตะวันตกเผชิญหน้ากันครั้งใหญ่ที่สุด นับจากวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ปี 2505 ที่สหรัฐและรัสเซียสมัยที่เป็นสหภาพโซเวียตต่างเล็งหัวรบนิวเคลียร์ใส่กัน โดยที่สหรัฐมีหัวรบอยู่ที่ตุรกี และโซเวียตมีหัวรบอยู่ที่คิวบา.-814.-สำนักข่าวไทย  

“ปูติน” กล่าวหาตะวันตกกลั่นแกล้งนักข่าวรัสเซีย

มอสโก 2 ก.ย.- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวหาชาติตะวันตกว่า กลั่นแกล้งผู้สื่อข่าวชาวรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง หลังจากเมื่อหลายวันก่อนรัสเซียได้สั่งห้ามผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันสิบกว่าคนเข้าประเทศ เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเผยแพร่ถ้อยคำที่นายปูตินให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ของมองโกเลียก่อนเดินทางไปเยือนในวันที่ 3 กันยายนว่า ชาติตะวันตกที่คิดว่าตนเองเป็นมาตรฐานแห่งเสรีภาพได้เปิดฉากการกลั่นแกล้งผู้สื่อข่าวชาวรัสเซีย เพื่อปกปิดข้อเท็จจริงที่ไม่สะดวกใจและปิดกั้นข่าวสารที่เป็นความจริง ผู้สื่อข่าวชาวรัสเซียถูกตรวจสอบโดยตรงในชาติตะวันตกเกือบทุกประเทศ ทั้งที่ทำหน้าที่นำเสนออย่างชัดเจนเกี่ยวกับมุมมองของรัสเซียที่มีต่อปัญหาและกระบวนการต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า ในรัสเซียนั้น สื่อมีเสรีภาพ เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของรัสเซียเท่านั้น ผู้สื่อข่าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในรัสเซียจึงควรเข้าใจในเรื่องนี้ รัฐบาลรัสเซียประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ได้สั่งห้ามพลเรือนชาวอเมริกัน 92 คนเข้ารัสเซีย มีทั้งผู้สื่อข่าว ทนายความ และผู้บริหารบริษัทอุตสาหกรรมทางทหาร เนื่องจากมีจุดยืนเกลียดกลัวรัสเซียตามแนวทางของรัฐบาลสหรัฐ ส่วนเมื่อเดือนพฤษภาคม รัฐสภารัสเซียได้ผ่านร่างกฎหมายให้อำนาจอัยการในการปิดสำนักงานสื่อต่างชาติในกรุงมอสโก หากชาติตะวันตกแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับสื่อรัสเซีย.-814.สำนักข่าวไทย

ยูเครนเดินหน้ารุกคืบดินแดนรัสเซีย

เคียฟ 23 ส.ค.- ยูเครนเดินหน้ารุกคืบโจมตีดินแดนของรัสเซียโดยใช้อาวุธที่ได้จากตะวันตก ขณะที่รัสเซียอ้างว่า ยูเครนได้โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซีย กองทัพอากาศยูเครนเผยแพร่ภาพซึ่งระบุว่า เป็นการโจมตีหน่วยบัญชาการทหารในแคว้นคุสค์ของรัสเซียด้วยการใช้ระเบิดจีบียู-39 (GBU-39) ผลิตในสหรัฐ เป็นการเดินหน้าโจมตีแคว้นคุสค์ ที่ยูเครนได้รุกคืบตลอดหลายวันที่ผ่านมา ชาติพันธมิตรของยูเครนรวมทั้งสหรัฐได้จัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน โดยมีเงื่อนไขให้ใช้อาวุธเหล่านี้ได้อย่างจำกัดในดินแดนของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม การโจมตีดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า จะมีการแก้แค้นจากรัสเซียซึ่งจะดึงเอาชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโตเข้าสู่สงครามรัสเซีย-ยูเครนในที่สุด ขณะเดียวกันทางการรัสเซียอ้างว่า เรือบรรทุกน้ำมันที่มีน้ำมันอยู่ 30 ถัง จมลงหลังจากเกิดระเบิดและเพลิงไหม้ที่ท่าเรือคาฟคาซในดินแดนครัสโนดาร์ ทางภาคใต้ของรัสเซีย เนื่องจากถูกยูเครนโจมตี มีรายงานว่า ลูกเรือ 17 คนได้รับการช่วยเหลือออกจากเรือแล้ว และยังมีลูกเรือสูญหายอยู่ 2 คน ด้านยูเครนยังไม่แสดงความเห็นใด ๆ ขณะที่สื่อของทางการรัสเซียรายงานว่า ลูกจ้างของท่าเรือทั้งหมดได้อพยพออกจากท่าเรือ และเปลวไฟไม่ได้ลุกลามไปยังสิ่งปลูกสร้างบริเวณท่าเรือ ทั้งนี้ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นทางออกทะเลดำใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย โดยเป็นท่าเรือสำหรับเรือส่งออกและเรือลำเลียงน้ำมันไปยังคาบสมุทรไครเมียของยูเครนที่ถูกรัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่ปี 2557.-816(814).-สำนักข่าวไทย

“ปูติน” ต้อนรับชาวรัสเซียที่ถูกปล่อยตัวจากการแลกนักโทษ

สื่อมวลชนรัสเซียรายงานวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เดินทางไปต้อนรับพลเมืองรัสเซียหลายคนที่ได้รับการปล่อยตัวภายใต้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษกับประเทศตะวันตก

รัสเซียพร้อมถ้าชาติตะวันตกจะรบเพื่อยูเครน

มอสโก 13 พ.ค.- สื่อรัสเซียอ้างคำกล่าวของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่า หากชาติตะวันตกคิดจะสู้รบเพื่อยูเครนด้วยการลงสนามรบ รัสเซียก็พร้อมจะรบด้วย สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานว่า นายลาฟรอฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศมา 2 ทศวรรษ กล่าวเรื่องนี้ต่อรัฐสภาที่พิจารณาการเสนอชื่อเขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอีกสมัย ในรัฐบาลชุดใหม่ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินที่เพิ่งสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่ 6 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงการเจรจาสันติภาพยูเครนที่จะมีขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์ในเดือนมิถุนายนว่า การที่ไม่ให้รัสเซียเข้าร่วมการเจรจาเท่ากับเป็นการยื่นคำขาดต่อรัสเซีย พฤติกรรมนี้ไม่ต่างจากการที่ครูตำหนินักเรียนในขณะที่เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ในชั้นเรียน รัสเซียได้เพิ่มคำเตือนเรื่องอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากที่รัสเซียเผชิญหน้าโดยตรงกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต นับตั้งแต่ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงของฝรั่งเศสไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีการส่งกองกำลังนาโตไปยูเครน ประธานาธิบดีปูตินถึงกับกล่าวว่า หากทำเช่นนั้นอาจจะนำมาซึ่งสงครามโลกครั้งที่ 3.-814.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียจะซ้อมยิงอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี

มอสโก 6 พ.ค.- รัสเซียจะจัดการฝึกซ้อมทางทหารที่จะมีการซ้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีรวมอยู่ด้วย หลังจากกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตะวันตกข่มขู่ยั่วยุ กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงวันนี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้สั่งการให้จัดการฝึกซ้อม และจะเป็นการทดสอบความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจสู้รบของกองกำลังอาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่เชิงยุทธศาสตร์ โดยจะมีการฝึกซ้อมการเตรียมตัวและประจำการอาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่เชิงยุทธศาสตร์ของกองบัญชาการทหารภาคใต้และกองทัพเรือ เป้าหมายการฝึกซ้อมเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดนของรัสเซีย ตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่ตะวันตกบางคนมีถ้อยแถลงเชิงยั่วยุและข่มขู่รัสเซีย รัสเซียเคยกล่าวหลายครั้งว่า การที่ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงของฝรั่งเศสพูดเรื่องฝรั่งเศสอาจเข้าแทรกแซงทางทหารในยูเครนถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และว่า สหรัฐและพันธมิตรยุโรปกำลังทำให้โลกเสี่ยงเกิดการเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจนิวเคลียร์ จากการให้อาวุธจำนวนมากแก่ยูเครนมาสู้รบกับรัสเซีย อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (tactical nuclear weapons) เป็นอาวุธสำหรับใช้ในสนามรบในสถานการณ์ทางการทหาร ขณะที่อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ (strategic nuclear weapons) เป็นอาวุธที่มุ่งทำลายชีวิตประชากรจำนวนมาก และทำลายหรือยับยั้งความสามารถในการทำสงครามของศัตรู.-814.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียย้ำเจรจาสันติภาพยูเครนต้องมีรัสเซียร่วมด้วย

มอสโก 26 มี.ค.- โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า การเจรจาสันติภาพยูเครนในระดับโลกที่ไม่มีรัสเซียเข้าร่วมด้วยจะเป็นเรื่องเหลวไหลและล้มเหลว นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าวอาร์กูเมนตี อี ฟัคตี (Argumenty I Fakty) ของรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุกราดยิงในสถานที่แสดงคอนเสิร์ตชานกรุงมอสโกและมีการเผยแพร่ในวันนี้ เขากล่าวว่า ปัญหายูเครนไม่สามารถแก้ได้โดยไม่มีรัสเซียเข้าร่วม เพราะยูเครนได้กลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มชาติตะวันตกที่ต้องการใช้ความช่วยเหลือที่ให้ยูเครนมากดดันและจำกัดขอบเขตของรัสเซีย ขณะนี้รัสเซียกำลังเดินหน้าทำสงครามในยูเครนเพื่อปกป้องตนเองจากชาติตะวันตก โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวถึงแผนการสันติภาพที่ให้รัสเซียถอนกำลังพลออกจากยูเครนแล้วให้ยูเครนกลับไปมีพรมแดนเหมือนเมื่อครั้งตั้งสาธารณรัฐเมื่ออดีตสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 2534 ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พร้อมกับประณามเรื่องที่ยุโรปและหลายประเทศหารือกันว่าจะยึดกำไรจากทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดไว้เพื่อนำไปให้ยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนเรียกร้องให้จัดการประชุมสันติภาพยูเครนในระดับนานาชาติ และเมื่อต้นปีนี้สวิตเซอร์แลนด์ประกาศว่า จะเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาสันติภาพยูเครน ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือเรื่องวันเวลาและรายละเอียดการเจรจา.-814.-สำนักข่าวไทย   

รัสเซียกล่าวหาเอกอัครราชทูตตะวันตกแทรกแซงกิจการภายใน

มอสโก 5 มี.ค.- กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวหาเอกอัครราชทูตของชาติตะวันตกที่อยู่ในรัสเซียว่า แทรกแซงกิจการภายในของรัสเซีย และแสดงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความสงสัยในจุดประสงค์ นายวลาดิเมียร์ โซลอฟยอฟ ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ทางการรัสเซียถามมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศว่า เอกอัครราชทูตของชาติสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) เข้าใจหน้าที่ของตนเองหรือไม่ กรณีที่ปฏิเสธคำเชิญของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียให้มาพบพูดคุยกันก่อนที่รัสเซียจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 15-17 มีนาคม โฆษกตอบว่า การปฏิเสธดังกล่าวทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยในบทบาทของเอกอัครราชทูตเหล่านี้ ผู้ประกาศข่าวรัสเซียกล่าวด้วยว่า การที่เอกอัครราชทูตของชาติสมาชิกอียูไปร่วมพิธีศพนายอเล็กเซ นาวาลนี ที่เป็นสายลับของอียู ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของรัสเซีย และทำการแสดงมากกว่าทำหน้าที่ทางการทูต ขณะที่ข้อความที่ขึ้นในรายการของผู้ประกาศรายนี้ระบุว่า ควรส่งเอกอัครราชทูตอียูกลับประเทศหรือไม่ นายนาวาลนีเป็นแกนนำฝ่ายค้านรัสเซียที่เสียชีวิตขณะเดินออกกำลังกายในเรือนจำเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เขาปฏิเสธในช่วงที่ยังมีชีวิตว่า ไม่ได้เป็นสายลับให้ชาติตะวันตก.-814.-สำนักข่าวไทย

“ปูติน” เตือนชาติตะวันตกถึงความเสี่ยงเกิดสงครามนิวเคลียร์

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวไปถึงชาติตะวันตกวานนี้ว่า พวกเขากำลังทำให้เกิดความเสี่ยงที่เป็นการยั่วยุให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ หากพวกเขาส่งทหารเข้าไปในยูเครนเพื่อช่วยเหลือในการสู้รบกับรัสเซีย พร้อมกับเตือนว่า รัสเซียมีอาวุธที่จะสามารถโจมตีเป้าหมายในประเทศตะวันตกได้

ผู้นำชาติตะวันตกเดินทางไปให้กำลังใจยูเครน

เคียฟ 24 ก.พ.- ผู้นำชาติตะวันตก 4 คนเดินทางไปกรุงเคียฟของยูเครนในวันนี้ เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับยูเครนในวันครบ 2 ปีของการถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบ คร่าชีวิตผู้คนและทำให้เศรษฐกิจยูเครนเสียหายหนัก นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีของอิตาลี นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ เดอ โครของเบลเยียม และนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปของสหภาพยุโรปหรืออียู เดินทางข้ามคืนด้วยรถไฟจากโปแลนด์ที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านยูเครน นางฟอน แดร์ ไลเอินโพสต์เอ็กซ์ (X) ว่า เดินทางมากรุงเคียฟเพื่อแสดงความยินดีที่ชาวยูเครนสามารถยืนหยัดต้านทานได้อย่างดีเยี่ยม และเพื่อยืนเคียงข้างยูเครนอย่างมั่นคงทั้งทางการเงิน เศรษฐกิจ การทหาร และกำลังใจ จนกว่ายูเครนเป็นอิสระในที่สุด เป็นที่คาดว่า ผู้นำอิตาลีและแคนาดาจะลงนามข้อตกลงความมั่นคงกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน เช่นเดียวกับที่ยูเครนพิ่งลงนามข้อตกลงมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐกับฝรั่งเศสกับเยอรมนี ส่วนความช่วยเหลือมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐรับปากจะจัดสรรให้ยูเครน ขณะนี้ยังค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ไบเดนจะเข้าร่วมการประชุมทางไกลกับผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 ในวันนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรีอิตาลีเป็นประธาน และมีผู้นำยูเครนเป็นแขกรับเชิญ อิตาลีขอให้จัดการประชุมนี้เพื่อท้าทายกระแสความคิดที่ว่าชาติตะวันตกเริ่มเบื่อหน่ายสงครามยูเครน […]

รัสเซียเตือนตะวันตกอย่าขโมยทรัพย์สิน

มอสโก 13 ก.พ.- รัสเซียเตือนชาติตะวันตกในวันนี้ว่า รัสเซียจะทำตัวร้ายกาจมาก หากสหรัฐและสหภาพยุโรปหรืออียู ยึดทรัพย์สินของรัสเซีย สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุสปุตนิค หลังจากอียูผ่านร่างกฎหมายเมื่อวันจันทร์เรื่องแยกเก็บกำไรผลพลอยที่ได้จากทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ว่า การกระดังกล่าวถือเป็นการลักขโมย เพราะถือเอาสิ่งที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ รัสเซียจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างร้ายกาจสุดขั้ว หากรู้สึกว่าจำเป็นต้องรับมือกับโจร เพราะในเมื่อรัสเซียถือว่าเป็นการลักขโมย ก็จะใช้ทัศนคติที่มีต่อโจร ไม่ใช่ต่อผู้ชักใยทางการเมือง หรือนักเทคโนโลยีที่เล่นใหญ่เลยเถิด ก่อนหน้านี้รัสเซียเคยประกาศว่า หากถูกยึดทรัพย์สิน ก็จะยึดทรัพย์สินของสหรัฐ ยุโรป และประเทศอื่น ๆ เป็นการตอบโต้ ทั้งนี้หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียส่งทหารเข้าไปในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 สหรัฐและพันธมิตรได้สั่งห้ามการทำธุรกรรมกับธนาคารกลางและกระทรวงการคลังของรัสเซีย และอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียที่อยู่ในตะวันตกรวมมูลค่าราว 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10.7 ล้านล้านบาท) กฎหมายใหม่ของอียูถือเป็นก้าวที่เป็นรูปธรรมก้าวแรกในการนำเงินของรัสเซียมาใช้บูรณะฟื้นฟูยูเครน.-814.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” หารือผู้นำตะวันตกเรื่องสงครามอิสราเอล-ฮามาส

วอชิงตัน 23 ต.ค.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐหารือกับผู้นำชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรกันเรื่องสงครามอิสราเอล-ฮามาส เว็บไซต์ทำเนียบขาวสหรัฐเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมเรื่องอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐว่า ประธานาธิบดีไบเดนแห่งสหรัฐ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดแห่งแคนาดา ประธานาธิบดีเอมานูว์เอล มาครงแห่งฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์แห่งเยอรมนี นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีแห่งอิตาลี และนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัคแห่งสหราชอาณาจักร ได้หารือกันเรื่องความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างอิสราเอลกับองค์กรก่อการร้ายฮามาส บรรดาผู้นำได้ย้ำเรื่องการสนับสนุนอิสราเอลและสิทธิของอิสราเอลที่จะปกป้องตนเองจากการก่อการร้าย เรียกร้องให้มีการยึดมั่นในกฎหมายมนุษยธรรมสากล รวมถึงการคุ้มครองพลเรือน แสดงความยินดีที่มีการปล่อยตัวประกัน 2 คน เรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ทั้งหมดโดยทันที และให้คำมั่นว่าจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือพลเรือนของแต่ละประเทศที่อยู่ในภูมิภาคดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ที่ปรารถนาจะออกจากกาซา แถลงการณ์ร่วมระบุต่อไปว่า บรรดาผู้นำยินดีต่อข่าวขบวนรถความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชุดแรกไปถึงชาวปาเลสไตน์ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือในกาซา ให้คำมั่นเรื่องจะประสานงานกับหุ้นส่วนในภูมิภาคต่อไปเพื่อสร้างหลักประกันว่าผู้ต้องการความช่วยเหลือจะได้รับอาหาร น้ำ การดูแลทางการแพทย์ และความช่วยเหลืออื่น ๆ อย่างยั่งยืนและปลอดภัย ให้คำมั่นเรื่องจะประสานงานทางการทูตอย่างใกล้ชิดระหว่างกันต่อไปครอบคลุมถึงหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาค เพื่อยับยั้งไม่ให้ความขัดแย้งแพร่กระจาย รักษาเสถียรภาพในตะวันออกกลาง มุ่งทำให้เกิดทางออกทางการเมืองและสันติภาพที่ยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 7
...