กรุงเทพฯ 14 มี.ค. – เงินบาทแข็งค่าในรอบเกือบ 5 ปี ส่วนหุ้นไทยบวกเล็กน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักค้าเงิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ปิดตลาดที่ 31.10 – 31.12 บาท/ดอลลาร์ โดยแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 54 เดือน หรือประมาณ 4 ปี 5 เดือน นับตั้งแต่ปี 2556 โดยปัจจัยกดดันมาจากกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศปลดนายทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ และก่อนหน้านี้นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวลาออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ทรัมป์ยังเตรียมพิจารณาออกมาตรการลงโทษทางการค้าต่อจีนขนานใหญ่ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสาร จำกัดการลงทุนจากจีน และการจำกัดการออกวีซ่าให้กับผู้มีสัญชาติจีน ส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่างๆ ในสหรัฐ วันพรุ่งนี้คาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31 – 31.20 บาท/ดอลลาร์
ด้านตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,813.40 จุด เพิ่มขึ้น 3.50 จุด (+0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 78,221.18 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวทั้งในแดนบวกและลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,817.36 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,803.60 จุด
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวตามกระแสเม็ดเงินที่ไหลเข้าในหุ้นที่ปรับตัวลงมามากก่อนหน้านี้ ทั้งกลุ่มสื่อสาร,พลังงานทางเลือก, ลิสซิ่ง
ส่วนประเด็นที่ตลาดต่างประเทศมีความกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐนั้น มองว่าไม่น่าจะมีผลมากนัก ขณะเดียวกันตลาดก็รับรู้คาดการณ์การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้าที่คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ไปแล้ว ทำให้ไม่น่าจะสร้างความกังวลต่อตลาดมากนัก
ประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,672.75 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,252.27 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,998.78 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 7,923.80 ล้านบาท.- สำนักข่าวไทย