โอนภารกิจที่ไม่ใช่ของตำรวจโดยตรง ให้หน่วยราชการส่อแท้ง

รัฐสภา 14 มี.ค.- กก.ปฏิรูปตำรวจฯ เผยโอนภารกิจที่ไม่ใช่ของตำรวจโดยตรงให้หน่วยราชการส่อแท้ง เหตุหน่วยงานราชการอ้างไม่พร้อมรับ ขาดผู้เชี่ยวชาญ และบางหน่วยงานของบถึง 4 พันล้านบาท โยนนายกรัฐมนตรีตัดสินใจ 


นายมานิจ สุขสมจิตร รองโฆษกคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแผนปฏิรูปตำรวจ และเห็นว่าควรถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ของตำรวจโดยตรง ให้หน่วยราชการ 28 ภารกิจ เนื่องจากกำลังตำรวจขาดแคลนถึง 7,000 กว่าอัตรา เพื่อให้ตำรวจมาทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมโดยตรง  แต่จากการเชิญผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอำนาจในการตัดสินใจทั้ง 28 หน่วยงานมาให้ข้อมูล ต่างอ้างถึงอุปสรรคในการโอน โดยเฉพาะเรื่องการขาดกำลังคน ผู้เชี่ยวชาญ อาคารสถานที่ และต้องของบประมาณเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่าต้องของบประมาณเพิ่มถึง 4,003 ล้านบาท  ซึ่งถือเป็นงบประมาณจำนวนมาก ทางคณะกรรมการฯ จึงส่งรายละเอียดเหล่านี้ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลตัดสินใจ เพราะเรื่องการปฏิรูปตำรวจได้มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญที่จะต้องดำเนินการให้ลุล่วง  

“จะแปลความว่าหน่วยงานราชการเหล่านั้นไม่อยากรับโอนตำรวจก็ว่าได้ เพราะต้องยอมรับว่าต้องใช้เงิน และหากถ่ายโอนไป ก็เป็นเรื่องของหน่วยงานใหม่จะรับโอนคนเก่าหรือไม่ ซึ่งมีตัวอย่างมาแล้ว เช่นการดับเพลิงที่ กทม.รับโอนไป ซึ่งการถ่ายโอนครั้งนี้ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ที่กำหนดว่าให้รัฐมนตรีที่รักษาการตามกฎหมายทั้งหมด 28 ฉบับให้มีอำนาจในการตั้งพนักงานสอบสวนได้ เขาก็ไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าไม่อยากรับโอน แต่บอกว่าถ้ารับโอนมาแล้วจะมีปัญหา” นายมานิจ กล่าว 


นายมานิจ กล่าวว่า สำหรับการถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ของตำรวจนั้น คณะกรรมการได้แบ่งภารกิจที่ต้องรับมอบออกเป็น 4 ส่วนคือต้องรับมอบภายใน 3 ปี อาทิ ภารกิจด้านการจราจร  การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและสรรพสามิต การป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  การคุ้มครองผู้บริโภค /ภารกิจที่ต้องดำเนินการภายใน 5 ปี การป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยขนส่ง ทางหลวง  ภารกิจที่ต้องเตรียมความพร้อม เช่นภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ภารกิจด้านการท่องเที่ยวและภารกิจที่สมควรให้น่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติร่วมกับตำรวจ เช่นการปราบปรามการกระทำความผิดบนขบวนรถไฟ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง