นนทบุรี 5 มี.ค. – พาณิชย์แนะผู้ผลิตผู้ส่งออกรังนกไทยไปจีน ควบคุมคุณภาพไม่ให้มีสารตกค้าง หลังจีนปลดล็อกนำเข้าได้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ย้ำหากทำได้ดีไทยมีโอกาสชิงส่วนแบ่งตลาดรังนกจากคู่แข่งเพิ่มขึ้น
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรคแห่งท่าอากาศยานนานาชาติไป๋หยุน เมืองกวางโจว สรุปผลการนำเข้ารังนกนางแอ่นจากต่างประเทศ พบว่า มีปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 20 ตันในปี 2558 เป็น 80 ตันในปี 2560 หรือมีอัตราเติบโตเกินร้อยละ 100 ต่อปี ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการนำเข้าจากไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ทำให้เป็นโอกาสของรังนกไทยที่จะเพิ่มและขยายส่วนแบ่งในตลาดจีนเพิ่มขึ้น
“การขยายตลาดรังนกในจีน ผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทยจะต้องรักษาคุณภาพและมาตรฐานให้ดีต่อเนื่องและต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำกับจีนไว้อย่างเคร่งครัด เพราะรังนกไทยมีศักยภาพและคุณภาพสูงเมื่อเทียบกับรังนกของคู่แข่ง โดยเนื้อแน่น หอมนุ่ม และไม่ละลายง่าย ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดจีน ที่มักนิยมซื้อไปให้ผู้ป่วยบริโภคหรือให้เป็นของขวัญแก่ผู้ใหญ่” นางจันทิรา กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาจีนห้ามนำเข้ารังนกจากทุกประเทศ เนื่องจากตรวจสอบพบสารไนไตรท์เกินมาตรฐานในรังนกแดงที่นำเข้าจากมาเลเซีย จนส่งผลกระทบทำให้ราคารังนกในแหล่งผลิตสำคัญตกต่ำลง แต่ไทยโดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) วมกับกรมปศุสัตว์ดำเนินการเจรจาจนสามารถลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบกักกันโรคและสุขอนามัยสำหรับผลิตภัณฑ์ รังนกที่ส่งออกจากไทยไปจีน โดยกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรคของจีนได้ออกประกาศอนุญาตนำผลิตภัณฑ์รังนกของไทยได้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2560
ปัจจุบันจีนเป็นตลาดนำเข้ารังนกใหญ่ที่สุดของไทย โดยนำเข้าผ่านท่าอากาศยานนานาชาติไป๋หยุน ซึ่งเป็นด่านนำเข้ารังนกนางแอ่นที่ใหญ่ที่สุดของจีน และปัจจุบันตลาดรังนกนางแอ่นในจีนเริ่มมีปัญหาสินค้าไม่ได้มาตรฐานและสินค้าปลอม ซึ่งทางการจีนออกมาให้คำแนะนำผู้บริโภคให้เลือกซื้อของแท้ โดยสังเกตจากปัจจัยดังนี้ คือ นำเข้าโดยผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง ผลิตจากแหล่งที่มาและโรงงานผลิตที่สามารถตรวจสอบได้ และมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย