กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองสหรัฐเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียม กระทบไทยจำกัด แนะหาตลาดใหม่กระจายความเสี่ยง
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่ามาตรการกีดกันทางการค้าล่าสุดที่สหรัฐเตรียมประกาศออกมา โดยการเก็บภาษีนำเข้า (Safeguard) กับสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมเป็นร้อยละ 25 และร้อยละ 10 ตามลำดับ ส่งผลกระทบทางตรงต่อไทยจำกัดอยู่ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและผลิตภัณฑ์เหล็กแปรรูปขั้นต้น เช่น ท่อเหล็ก แผ่นเหล็ก ลวดเหล็ก แผ่นอะลูมิเนียม ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างของใช้ในครัวเรือนไม่น่าอยู่ในขอบข่ายของ Safeguard
ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมหากการนำเข้าของสหรัฐลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้สินค้ากลุ่มดังกล่าวล้นตลาด ราคาสินค้าปรับตัวลดลง จะส่งผลให้การนำเข้าวัตถุดิบต้นน้ำและกลางน้ำเพื่อผลิตสินค้าขั้นปลายน้ำของไทยได้ประโยชน์ แต่สำหรับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมขั้นกลางที่มีราคาต่ำลงอาจกลายเป็นคู่แข่งการส่งออกของไทยในตลาดโลกที่ต้องเฝ้าระวัง นอกจากนี้ ในระยะข้างหน้าสหรัฐอาจใช้มาตรการเดียวกันนี้กับสินค้ากุ้งแช่แข็งและปลาแช่แข็ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อธุรกิจไทยมากขึ้น รวมทั้งยังต้องติดตามมาตรการตอบโต้ทางการค้าของนานาประเทศที่อาจส่งผลต่อไทยหลายแง่มุม เพราะอาจเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของธุรกิจไทยในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเสนอแนะว่าธุรกิจไทยที่มีสหรัฐเป็นตลาดเป้าหมายควรมีแผนกระจายความเสี่ยงโดยแสวงหาตลาดใหม่อย่างจริงจัง เพราะมาตรการที่สหรัฐนำมาใช้ขณะนี้นับว่าเป็นการกีดกันทางการค้าอย่างครอบคลุมรอบด้าน เป็นการยากที่จะพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐเพียงตลาดเดียว.-สำนักข่าวไทย