สมคิด กระตุ้น มหาลัย ผลิตบุคลากรตอบโจทย์

 สยามพารากอน  4  มี.ค.-   ทปอ.ฉลองครบ45 ปี รวมพลังสถาบันอุดมศึกษาไทย จัดงาน University Expo มหกรรมอุดมศึกษา:อุดมศึกษา-พลังขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0  ตอกย้ำศักยภาพการศึกษาไทย ด้านรองนายกฯสมคิด ฝากการบ้านมหาลัยทั่วประเทศ ผลิตบัณฑิต ให้สอดรับการเติบโตของประเทศ 



 ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)ฉลองครบรอบ45ปี จัดงานUniversity Expo มหกรรมอุดมศึกษา:อุดมศึกษา-พลังขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ ถึง4 มีนาคม ที่ รอยัลพารากอน ฮอลล์ สยามพานากอน โดยเป็นการรวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมากกว่า50 ผลงาน มาจัดแสดง ใน 10โซน อาทิ นวัตกรรมการเรียนการสอนสมัยใหม่,Drone เพื่อการเกษตร,ระบบคัดเลือกการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบใหม่TCAS ,แบบทดสอบ AISCTเพื่อค้นหาคณะที่เรียนแล้วปัง ด้วย AI ที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำ 95 เปอร์เซนต์  ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในประสบความสำเร็จในอาชีพและการทำงานในอนาคต ถือเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของมหาวิทยาลัยไทย เพื่อโชว์ศักยภาพและความพร้อมของภาคอุดมศึกษาในการพัฒนาบุคลากรของชาติสู่Thailand4.0   ซึ่งภาคอุดมศึกษาถือเป็นหน่วยสำคัญที่มีหน้าที่ในการพัฒนาองค์ความรู้ สู่ภาคธุรกิจที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ  


 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ ประเทศไทยกับเส้นทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ว่า เรื่องใหญ่ของการพัฒนาประเทศ คือ การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา เน้นผลิตบัณฑิตคุณภาพ ตอบโจทย์กับความต้องการของประเทศ ผลิตคนรองรับนวัตกรรม ธุรกิจหรืออาชีพที่ประเทศกำลังพัฒนาไปในทิศทางนั้น ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันยังขาดบุคคลากรด้านวิศวะ ช่างซ่อมบำรุงในอุตสาหกรรมการบิน ที่ไทยกำลังสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์กลางการบินของอาเซียน จะทำอย่างไรที่ผลิตบุคคลกรให้พอกับการเติบโตของธุรกิจ บุคคลากรด้านไหนที่ประเทศกำลังต้องการ ต้องผลิตให้มากขึ้น อยากฝากการบ้านให้กับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ  เพราะการศึกษาคือหัวใจของชาติ ปัญหาของมหาวิทยาลัยในช่วง10 ปีที่ผ่านมา  คือการผลิตบัณฑิตเชิงปริมาณจนล้นความต้องการของตลาด โดยร้อยละ60 ของจีดีพีประเทศ คือภาคบริการ ต้องหันพัฒนาทักษะของบุคคลากรให้มากขึ้น อยากเห็นมหาวิทยาลัยสนใจในเรื่อง ครีเอทีฟอีโคโนมี เศรษฐกิจสร้างสรรค์มากขึ้น 

 

นายสมคิด  กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอนาคตอยากเห็น ภาคธุรกิจ มหาวิทยาลัย รัฐบาล ผนึกกำลังร่วมกันคิดค้นสิ่งใหม่ๆหรือนวัตกรรมใหม่ๆร่วมกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนา4.0 และพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ใช่รอเพียงอุตสาหกรรมธุรกิจรายใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่เจ้าในไทย จะไม่เกิดความยั่งยืนและรายได้กระจุกตัวอยู่ในแค่เมืองใหญ่ ไม่ลงสู่ชนบท เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พร้อมฝาก ทปอ. ใน10 ปีข้างหน้าหากผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม รับผิดชอบต่อสังคม โดยการสร้างวินัยของบุคคลากรเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในประเทศที่พัฒนาแล้ว และหากบุคคลากรทางการศึกษา อาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือดร.ทั้งหลาย เข้ามาอยู่ในระบบพรรคการเมือง ช่วยคิดนโยบาย จะเป็นการช่วยพัฒนานโยบายของชาติ จะเป็นการเมืองที่ยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง