กอปศ.ย้ำความจำเป็นงบ 2.5หมื่นล้านเข้าพ.ร.บ.กองทุน

สภาการศึกษา 27 ก.พ.- กอปศ. เดินหน้าศึกษาแผนจัดการกองทุน ย้ำงบ2.5 หมื่นล้านบาทจำเป็นเพื่อความเสถียรภาพ คาดปีนี้ได้งบดังกล่าว แต่ต่อไปต้องนำเสนอแผนรายปี ชี้อาจไม่ได้ หากรัฐไม่ให้ความสำคัญ


ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส  สุวรรณเวลา  ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคด้านการศึกษา พ.ศ….ว่าขณะนี้สภานิติบัญญัติเเห่งชาติ(สนช.)ได้รับร่างพ.ร.บ.กองทุนฯ เข้าพิจารณาในวาระที่1เเล้ว ขั้นตอนต่อไปคณะกรรมาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะพิจารณาในวาระที่2และ3ต่อไป 


ส่วนคณะกรรมาธิการฯจะพิจารณาในเรื่องที่ กอปศ.กำหนดในร่าง พ.ร.บ.ให้รัฐจ่ายเงินอุดหนุนเป็นรายปี ในวาระแรกเริ่มเป็นเวลา 5 ปี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของเงินงบประมาณที่เกี่ยวกับการศึกษาหรือไม่นั้น  ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะออกมาในรูปแบบใด โดยก่อนหน้านี้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบในหลักการจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเเล้ว  แต่ในขณะเดียวกันสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง มีข้อสังเกตและขอให้ปรับแก้งบฯ ร้อยละ5 โดยให้เป็นการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมกับรายจ่ายของประเทศแทนนั้น ซึ่ง กอปศ.ยืนยันว่าจำเป็นต้องระบุงบร้อยละ 5 ของงบประมาณแผ่นดินที่เกี่ยวกับการศึกษา ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่จากกระทรวงศึกษาฯ เท่านั้น  แต่หมายรวมถึงงบประมาณทุกอย่าง โดยหวังให้งบฯ ก้อนนี้ เป็นส่วนที่เข้ามาบริหารจัดการดูแลผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทางการศึกษา เพื่อความเสถียรภาพของกองทุน


สำหรับสิ่งที่ กอปศ.ต้องทำต่อ ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของกอปศ. คือศึกษารายละเอียดแผนจัดการกองทุน เพื่อให้รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญของเงินช่วยเหลือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา  และให้ใช้งบประมาณ ร้อยละ 5 ของงบการศึกษาทั้งหมดหรือราว 25,000 ล้านบาท  เชื่อว่าปีนี้จะได้เบิกงบดังกล่าว ส่วนปีต่อไปต้องทำแผนเป็นรายปี ซึ่งอาจเกิดความไม่แน่นอน หากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญก็จะไม่จัดงบส่วนนี้ให้ก็เป็นได้ เช่นเดียวกับงบส่งเสริมสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่ได้ แค่ปีเดียวเท่านั้น เป็นต้น

ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา(กอปศ.) กล่าวว่าประเด็นในเรื่องของแหล่งที่มาเงินทุนที่จะเข้าสู่กองทุนฯ จากเดิมในร่างกฎหมายที่กอปศ.จัดทำเสนอให้จัดสรรร้อยละ 5 จากงบด้านการศึกษา แต่ร่างที่ผ่าน สนช.วาระ1ให้จัดสรรทุนประเดิม1,000 ล้านบาทเข้ากองทุนและให้เสนอแผนงานที่ชัดเจนเสนอต่อคณะกรรมการกองทุน และคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติแล้ว สำนักงบประมาณจะจัดสรรงบฯให้อย่างเพียงพอ แต่ในฝ่ายที่ยกร่าง พ.ร.บ.นี้มีความกังวลว่าหากเวลาเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ คนอาจไม่เข้าใจและไม่สามารถจัดได้ตามความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ประเด็นเหล่านี้อาจจะมีการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายอีกครั้งในชั้นกรรมาธิการได้ ตนจะเป็นผู้แทนกอปศ.เข้าชี้แจงเหตุผลที่เสนอบรรจุงบร้อยละ 5ไว้ในกฎหมายต่อกรรมาธิการในวันที่ 28 ก.พ.นี้  

นายประสาร กล่าวอีกว่า ที่ต้องการเสนอให้มีเงินทุนเข้ากองทุนตามที่กอปศ.เสนอบรรุจไว้เดิม เนื่องจากมองว่าหากมีการจัดงบประมาณด้านการศึกษาไว้เท่าไหร่ ก็อยากจัดงบประมาณมาใช้ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาครูไว้ร้อยละ 5 แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณมีความกังวลว่าจะเป็นการทำเป็นตัวอย่างแล้วหน่วยงานอื่นๆจะทำในลักษณะเดียวกัน แต่ในการเสนอบรรจุร้อยละ 5ของกอปศ.มีการคำนึงถึงประเด็นนี้เช่นกัน จึงอ้างอิงร้อยละ 5ของงบด้านการศึกษา ไม่ใช่งบประมาณทั่วไป และมีการวางกรอบเวลาช่วง 5 ปีในการสร้างระบบและสร้างตัวอย่าง หลังจากนั้นก็ใช้อ้างอิงจากผลงาน โดยจะมีการชี้แจงในชั้นกรรมาธิการต่อไป 

โดยในร่าง พ.ร.บ.ได้มีการกำหนดแหล่งทุนอื่นไว้ด้วย เช่น เงินบริจาคให้ได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี หรือถ้าจำเป็นก็ขอรัฐบาลขอรายได้ส่วนหนึ่งจากสลากกินแบ่งรัฐบาล  ส่วนเงินประเดิม 1,000 ล้านบาท คงไว้เพื่อวัตถุประสงค์รักษาความมั่นคงของสำนักงานกองทุน เพราะเมื่อจัดตั้งแล้วจำเป็นที่จะต้องรับพนักงานและต้องมีเงินเดือนและค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ  อย่างไรก็ตาม การคงอัตราร้อยละ 5 ไว้ในร่าง พ.ร.บ.เช่นเดิม จะทำให้มี ความมั่นใจมากขึ้นว่ามีทรัพยากรในระดับพียงพอที่จะให้กองทุนฯ สามารถดำเนินภารกิจได้ตามเป้าหมาย

     

“ตามบทบัญญัติในร่างพ.ร.บ.ที่ผ่านวาระแรกไม่ได้มีอะไรที่ชี้ไปในทางที่ว่า ปฏิเสธไม่ให้งบประมาณ เพียงบอกว่าไม่อยากให้ใส่ตัวเลข แต่ให้ทำแผนและถ้าแผน ครม.เห็นชอบด้วย สำนักงบก็จัดให้เพียงพอ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ขึ้นกับว่าการจัดทำแผนต้องเป็นที่น่าเชื่อถือแค่ไหน มีตัวเลขยืนยันเพียงใด และ ครม.มีความมุ่งมั่นแค่ไหน ส่วนเรื่องการปรับขนาด แน่นอนว่าโจทย์เรื่องความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ซึ่งจากงานวิจัยพบว่ามีเด็กและเยาวชนที่กองทุนจะเข้าไปช่วยเหลือประมาณ 4.3 ล้านคนและครูอีกจำนวนหนึ่งและมีหลักการว่าจะเข้าไปสนับสนุนในรูปแบบใด อัตราอุดหนุนคนละเท่าไหร่ หากสมมติฐานว่าเงินกองทุนได้น้อยก็ต้องไปปรับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ จำนวนคนที่ได้รับการช่วยเหลืออาจจะลดลง หรือจำนวนเงินต่อหัวที่ได้รับการช่วยเหลือลดลง ซึ่งวิธีการบริหารจัดการอาจจะต้องปรับเปลี่ยน”นายประสาร กล่าว

สำหรับร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. …เป็น 1ใน 4 พระราชบัญญัติ ที่ กอปศ.ทำงานอยู่ โดยในหลักการกำหนดให้รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนทุนประเดิม 1,000 ล้านบาท และกำหนดให้รัฐจ่ายเงินอุดหนุนเป็นรายปี ในวาระแรกเริ่มเป็นเวลา 5 ปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของเงินงบประมาณที่เกี่ยวกับการศึกษาของปีงบประมาณก่อนหรือ ประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งกฎหมายนี้ มีความหวังว่า จะช่วยให้เด็กนักเรียน โดยเฉพาะกลุ่มยากจนในประเทศประมาณ 3 ล้านคน ได้เข้าถึงระบบการศึกษาอย่างเท่าเทียม และเป็นหนทางหนึ่งในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงนายก อบจ.สุรินทร์ “ธัญพร มุ่งเจริญพร” เข้าป้าย

ศึกชิงนายก อบจ.สุรินทร์ ลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย “ธัญพร มุ่งเจริญพร” พลิกชนะ “พรชัย มุ่งเจริญพร” แชมป์เก่าแบบขาดลอย คว้าเก้าอี้มาครอง นั่งนายก อบจ.หญิงคนแรกของจังหวัด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ครึ่งวันเช้าคึกคัก

ภาพรวมการใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ครึ่งวันเช้าค่อนข้างคึกคัก มีประชาชนทยอยใช้สิทธิต่อเนื่อง ยังไม่มีรายงานการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ท่ามกลางสายฝน

ชาวนครศรีธรรมราช ตื่นตัวออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ. ท่ามกลางสายฝน กกต.เผยภาพรวมครึ่งวันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีรายงานการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ช้างป่ายกโขลงประชิดหมู่บ้าน ไล่ระทึกทั้งคืน

ไล่ระทึกกันทั้งคืน ช้างป่ายกโขลงบุกประชิดหมู่บ้านตลิ่งชัน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ออกหากินผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้าน