“พล.อ.ประวิตร” สั่งทุกเหล่าทัพเตรียมพร้อมรับมือสงครามไซเบอร์

กลาโหม 26 ก.พ.-โฆษกกลาโหม เผยผลการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประวิตร สั่งนขต.กห.-เหล่าทัพเตรียมพร้อมรับมือสงครามไซเบอร์ – พร้อมรับ OIC ลงพื้นที่ชายแดนใต้


พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 2/2561 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า พล.อ.ประวิตร กำชับสั่งการให้ทุกเหล่าทัพให้ความสำคัญกับการคงความต่อเนื่องในการเสริมสร้างและสานสัมพันธ์ความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารกับทุกประเทศอย่างสมดุล โดยเน้นการสร้างบรรยากาศความเป็นมิตร มุ่งสู่ความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างผู้นำทางทหารในทุกระดับอย่างใกล้ชิด เพื่อขจัดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และต้องควบคุมความขัดแย้ง มิให้ขยายวงกว้าง จนไม่สามารถควบคุมได้ หรือ ยุติความขัดแย้งอย่างสันติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อมิติในประเทศ ทั้งด้านความมั่นคงภายในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

พล.ท.คงชีพ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังระบุว่า สงครามไซเบอร์ ถือเป็นอีกมิติหนึ่งของการสงครามที่มีความไวสูง จึงต้องมีการเตรียมกำลังและใช้กำลังเช่นเดียวกับมิติสงครามอื่น ๆ ขอให้หน่วยขึ้นตรงกลาโหมและเหล่าทัพ ให้ความสำคัญในการเร่งรัดเดินหน้าขับเคลื่อนปฏิรูปกองทัพ ตามแผนแม่บทไซเบอร์ เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม ในระยะที่ 1 พ.ศ. 2560-2564  ปัจจุบันได้จัดตั้ง “ศูนย์ไซเบอร์ กห.” และ “หน่วยไซเบอร์ระดับปฏิบัติการของแต่ละเหล่าทัพ” โดยอยู่ระหว่างการเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถการปฏิบัติ ทั้งด้านนโยบายและแผน ด้านกำลังพล ด้านการปฏิบัติการ ด้านเทคโนโลยีและการวิจัยพัฒนา รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ให้พร้อมในการปฏิบัติ ขณะเดียวกันได้ให้ความสำคัญกับการผนึกกำลังด้านไซเบอร์


“อีกเรื่องสำคัญ คือ คณะผู้แทนจากประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามหรือ โอไอซี จะเดินทางเยือนประเทศไทยปลายเดือนกุมภาพันธ์ พล.อ.ประวิตร จึงสั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ โดยเฉพาะกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 สนับสนุนกระทรวงการต่างประเทศ ในการต้อนรับคณะผู้แทนโอไอซี เยี่ยมชมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้รับทราบความจริงถึงพัฒนาการของการแก้ปัญหา รวมทั้งเชื่อมั่นถึงความตั้งใจและจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดถือแนวทางพระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา หลักกฎหมายและแนวทางสันติวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ความสงบสุข ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่อย่างสูงสุด” พล.ท.คงชีพ กล่าว

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตร ย้ำทุกหน่วยรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของทหารและกองทัพ โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ เข้มงวดเพิ่มความระมัดระวัง ตลอดจนกวดขันกำลังพลในสังกัดทุกระดับอย่างใกล้ชิด ให้คำนึงถึงความรับผิดชอบในหน้าที่ การแสดงออกในขณะที่สวมเครื่องแบบ ทั้งเป็นบุคคลและเป็นคณะ ด้วยความรอบคอบ ประพฤติปฏิบัติตามแบบธรรมเนียมทหารอย่างเคร่งครัด ไม่กระทำการที่ฝ่าฝืนกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ซึ่งจะนำความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของกองทัพได้ เมื่ออาจถูกนำไปเผยแพร่ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ โดยกองทัพจะไม่ปกป้องกำลังพลที่ประพฤติเสื่อมเสียและสร้างความเสียหายเดือดร้อนกับสังคม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด