กระทรวงการต่างประเทศ 9ก.พ.- นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับอันเจลิโน อัลฟาโน (The Honourable Angelino Alfano) รัฐมนตรีต่างประเทศและความร่วมมืออิตาลี ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ และถือเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศจากสหภาพยุโรป(อียู)คนแรกที่เดินทางเยือนไทยว่า การหารือเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง การเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายอันเจลิโน ไม่ได้เป็นเพียงการเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันที่ครบ 150 ปีในปีนี้ แต่ยังเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์หลังจากที่เงียบหายไป 3 ปี
นายดอน กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีตั้งใจที่จะเยือนไทยในโอกาสแรกหลังจากที่อียูได้ปรับข้อมติเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์กับไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ระหว่างการหารือได้มีการพูดคุยถึงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ฝ่ายอิตาลีเห็นโอกาสที่จะร่วมมือกับไทยในหลายมิติ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน ก่อสร้าง เมืองอัจฉริยะ เพราะเป็นโอกาสให้บริษัทของอิตาลีเข้ามาแข่งขันได้ เนื่องจากเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวของไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ฝ่ายอิตาลีได้เสนอให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ระหว่างกันว่ามีประเด็นใดที่จะเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันได้ต่อไป และยังจะฟื้นการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ(เจซี)ไทย-อิตาลี ซึ่งเป็นกลไกที่มีอยู่แต่ไม่ได้มีกิจกรรมใดๆ มานานแล้ว เพื่อจะได้นำสิ่งต่างๆ ที่ตกค้างมาดำเนินการให้เป็นรูปธรรม
นายดอนกล่าวว่า ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในไทยนั้น ตนได้ชี้แจงว่ารัฐบาลยังยึดมั่นที่จะเดินตามโรดแมป อย่างไรก็ดีในส่วนที่การเลือกตั้งอาจต้องเลื่อนไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นผลจากการพิจารณากฎหมายลูกของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีแจ้งว่าไม่ติดใจและพร้อมจะช่วยอธิบายให้กับที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียูซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้รับทราบด้วย.-สำนักข่าวไทย