กรุงเทพฯ 31 ม.ค. – บล.เอเซียพลัสชี้นักลงทุนกังวลเลื่อนเลือกตั้ง กดดันดัชนีหุ้นไทยไม่ผ่าน 1,850 จุด
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยต้องเลือกเป็นหุ้นรายตัว เพราะปีที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับขึ้นมามาก ราคาหุ้นไทยไม่ถูกหากเทียบกับหุ้นอเมริกาและจีน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย ขณะที่นักลงทุนในประเทศถูกกดดันจากความกังวลทางการเมืองเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้งเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562
“นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยประมาณร้อยละ 80 เป็นนักลงทุนในประเทศกับนักลงทุนสถาบันในประเทศจะถูกครอบงำจากข่าวในประเทศและประเด็นการเมือง หากปลอดความกังวลการเมืองหุ้นไทยก็ไปได้ นักลงทุนต้องระมัดระวัง เพราะหุ้นไทยขึ้นมาเยอะ ก็มีโอกาสปรับลงได้เยอะเช่นกัน” นายก้องเกียรติ กล่าว
นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัยพ์ เอเซีย พลัส กล่าวว่า นักลงทุนกลับมากังวลปัจจัยการเมืองอีกครั้ง โดยเฉพาะข่าวการเลื่อนเลือกตั้ง ประกอบกับไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา หลังการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2560 ของบริษัทจดทะเบียน ทำให้นักลงทุนเทขายเพื่อทำกำไร ขณะที่ราคาหุ้นไทยที่ค่อนข้างแพงระดับราคาต่อกำไรสุทธิ หรือพีอี/เรโช ที่16.2เท่า ทำให้แนวโน้มการปรับขึ้นของดัชนีอยู่ในกรอบจำกัด กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,790-1,850จุด โอกาสที่ดัชนีจะผ่านแนวต้าน 1,850 จุด ค่อนข้างยาก ดังนั้น นักลงทุนควรกำหนดกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ โดยเลือกหุ้นปันผลดีและขายทำกำไรในหุ้นที่มีราคาปรับขึ้นจนเต็มมูลค่า
ส่วนหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออกอาจได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2561 เงินบาทแข็งค่าร้อยละ 4 อาจทำให้การส่งออกของไทยต่ำกว่าคาดการณ์ที่ขยายตัวร้อยละ 5 เพราะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 1 บาท จะกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ลดลงร้อยละ 0.06 นอกจากนี้ ยังกังวลว่าการส่งออกของไทยจะเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง เพราะประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ จีเอสพีจากสหรัฐ กระทบต่อสินค้าส่งออก 3,500 รายการ คิดเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกรวม รวมถึงการเก็บภาษีเครื่องใช้ไฟฟ้าและโซล่าเซลล์ ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ส่งออกสินค้า 2 รายการนี้ .- สำนักข่าวไทย