ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 5-22 บาท

กทม. 18 ม.ค.-การประชุมของคณะกรรมการค่าจ้างเคาะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่ 5-22 บาท แบบ 17 กลุ่มจังหวัด นับเป็นการปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี  เบื้องหลังการพิจารณาตัวเลขที่ปรับขึ้นได้มาอย่างไร ติดตามจากรายงาน


บอร์ดค่าจ้างถกมาราธอนนานกว่า 5 ชั่วโมง ในที่สุดได้ข้อยุติปรับขึ้นค่าจ้าง 5-22 บาททั่วประเทศ แบ่งเป็น 7 ระดับ สูงสุด 330 บาท อยู่ที่กลุ่มจังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างภูเก็ต ชลบุรี และระยอง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ครองแชมป์มาตลอดกลับเป็นรองอยู่ที่ 325 บาท ขณะที่ 8 จังหวัดที่เคยผิดหวังไม่ได้ขึ้นมากว่า 4 ปี อย่าง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ใจชื้น เพราะได้ปรับขึ้นเป็น 308 บาท หัวเรือใหญ่บอร์ดค่าจ้างชี้การปรับขึ้นอิงสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพแต่ละจังหวัด เหมาะสม เป็นธรรมต่อนายจ้างและลูกจ้างมากที่สุด

นับเป็นประวัติศาสตร์การขึ้นค่าจ้าง หลังไม่ได้ปรับขึ้นทุกจังหวัด และตัวเลขสูงขนาดนี้มานานกว่า 5 ปี เพราะนับแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปรับค่าจ้างเป็น 300 บาทเท่ากันทั้งประเทศ เมื่อ 1 มกราคม 2556 ค่าจ้างขั้นต่ำถูกดองมานานกว่า 3 ปี จนปี 2560 ได้ปรับค่าจ้างขึ้น 5-10 บาท แต่ไม่ทั่วประเทศ มี 8 จังหวัดถูกลอยแพ อ้างเศรษฐกิจในพื้นที่คงที่ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่าจ้าง หนึ่งในคณะกรรมการที่เป็นปากเป็นเสียงแทนลูกจ้างมากว่า 3 รัฐบาล ยอมรับการปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราสูงเช่นนี้เป็นเรื่องยาก เพราะการประชุมฝ่ายรัฐมักเอื้อนายจ้าง การพิจารณานอกจากยึดหลักสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังขึ้นอยู่กับทิศทางการเมืองในแต่ละปี ช่วงไหนจะเลือกตั้ง ค่าจ้างจะถูกปรับขึ้นสูง รอบนี้ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่มีแบบแผนมากกว่า ไม่เพียงปรับขึ้นค่าจ้าง รัฐยังผุดแนวทางช่วยนายจ้าง ทั้งลดหย่อนภาษี 1.5 เท่าของค่าจ้าง ลดเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้างร้อยละ 1 จากเดิมร้อยละ 5 เป็นเวลา 1 ปี แต่


ประธานสภาผู้ส่งออกบอกช่วยได้ไม่มาก เพราะการขึ้นค่าจ้างทำให้ต้นทุนสูงขึ้นร้อยละ 1 ประกอบกับเงินบาทแข็งค่า อาจส่งผลให้การส่งออกขาดทุนสูงถึงร้อยละ 4 และกระทบหนักในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ใช้แรงงานเข้มข้น

แม้ค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่จะสูง แต่อาจไม่การันตีคุณภาพชีวิต หากรัฐไม่ควบคุมสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมออกมาตรการอุ้มนายจ้างที่ชัดเจน ความพยายามในการปรับขึ้นที่ยืดเยื้อข้ามปีอาจไม่ตอบโจทย์รัฐที่ต้องการยกระดับความของแรงงานให้ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง