กรุงเทพฯ 11 ม.ค. – ธอส.ปล่อยสินเชื่อใหม่ทะลุเป้า 196,817 ล้านบาท ดันสินเชื่อคงค้างทะยาน 1 ล้านล้านบาท เดินแผนปี 61 รุกสินเชื่อบ้านกลุ่มรายได้น้อยสวัสดิการแห่งรัฐ และสินเชื่อ Home For all 24,000 ล้านบาท กำชับดูตัวตนให้ตรงกับบัตรประชาชนก่อนเปิดบัญชี
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2560 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 196,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.06 คิดเป็น 160,305 บัญชี สูงกว่าเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ 178,224 ล้านบาท จำนวน 18,593 ล้านบาท จึงมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.24 สินทรัพย์รวม 1.062 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.65 ยอดเงินฝากรวม 858,074 ล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 43,104 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.21 กำไรสุทธิ 11,775 ล้านบาท ยอดสินเชื่อสูงตามเป้าหมาย เนื่องจากสินเชื่อ Home for All ปล่อยสินเชื่อได้กว่า 100,000 ล้านบาท และโครงการบ้าน ธอส.เพื่อสานรักมีลูกค้าใช้บริการสินเชื่อกว่า 32,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นสินเชื่อผ่อนปรน
ทั้งนี้ ธอส.กำหนดแผนงานปี 2561 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 189,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6 จากเป้าสินเชื่อปี 2560 ที่กำหนดไว้ 178,224 ล้านบาท คาดว่าทำกำไรสุทธิได้ 12,137 ล้านบาท เพราะต้องการนำผลตอบแทนไปช่วยชดเชยหลายโครงการของรัฐ โดยวันที่ 15 มกราคม ธอส.เตรียมพร้อมปล่อยสินเชื่อ “โครงการสินเชื่อบ้านสวัสดิการแห่งรัฐ” ตามมติ ครม. สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 60,000 ล้านบาท แบ่งไว้สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งที่ประกอบอาชีพประจำและอาชีพอิสระ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียงร้อยละ 2.75 ต่อปี นาน 4 ปีแรก ยื่นขอกู้ได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท และกันไว้อีกส่วนสำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี คงที่ 4 ปีแรก กู้วงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อราย หากผู้มีรายได้น้อยกู้ไม่ถึงสามารถดึงญาติร่วมขอกู้ได้ วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท และอีกส่วนเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ บุคลากรภาครัฐ สำหรับราชการ อาทิ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย และพนักงานรัฐวิสาหกิจ อัตราดอกเบี้ย MRR-ร้อยละ 3.75 ต่อปี หรือปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 3 ต่อปีนาน 4 ปีแรก วงเงิน 30,000 ล้านบาท รวมถึงการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” เฟส 2 ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว พร้อมให้เงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2.75 วงเงิน 2,000 ล้านบาท ขณะนี้รอกรมธนารักษ์คัดเลือกเอกชนพัฒนาโครงการตามทำเลที่เลือกไว้
พร้อมยกระดับการให้บริการสู่ Digital Services อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านระบบ Payment Gateway เพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน Digital Platform และพัฒนาระบบการชำระเงินแบบ Non Cash Payment หรือการชำระเงินโดยไม่ต้องใช้เงินสด พัฒนากระบวนการทำงาน Mobile Application ครอบคลุมบริการหลักของธนาคารครบวงจรใน Application เดียวทั้งการยื่นขอสินเชื่อ, Pre-Approve, ติดตามสถานะยื่นกู้, นัดเซ็นสัญญา, นัดทำนิติกรรมจำนอง, บริการด้านเงินฝาก (ฝาก-ถอน-โอน), ชำระหนี้เงินกู้ และชำระค่าสาธารณูปโภค พัฒนาเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงและป้องกันภัยคุกคามทาง Cyber เพื่อให้บริการของธนาคารมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากขึ้น
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธอส.เน้นให้ความสำคัญป้องกันปัญหาการเปิดบัญชีรับฝากเงิน จากปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้กำชับพนักงานเคาน์เตอร์ดูตัวตนให้ตรงกับบัตรประชาชน เพื่อป้องกันปัญหานำบัตรประชาชนผู้อื่นมาเปิดบัญชี.-สำนักข่าวไทย