เปิดข้อมูลอุบัติเหตุเปรียบเทียบย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2558-2560

อสมท 27 ธ.ค.-ใกล้เทศกาลปีใหม่ ประชาชนต่างทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งการเดินทางโดยรถยนต์อาจเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเพราะรถหนาแน่น โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน หรือ ศปถ. เตรียมพร้อมรับมือภายใต้โครงการ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” โดยหากเปรียบเทียบข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี จะพบตัวเลขอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


ตรวจสอบข้อมูลเปรียบเทียบย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2560 เฉพาะช่วงรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ของแต่ละปี พบว่าตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยการเกิดอุบัติเหตุปี 2558 อยู่ที่ 2,997 ครั้ง ปี 2559 เกิดอุบัติเหตุ 3,379 ครั้ง และปี 2560 อยู่ที่ 3,919 ครั้ง ส่วนผู้บาดเจ็บพบว่าปี 2558 มียอดผู้บาดเจ็บทั้งหมด 3,117 คน ปี 2559 บาดเจ็บ 2,505 คน และปีที่แล้วอยู่ที่ 4,128 คน


ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิต พบว่าแนวโน้มไม่ดีนัก โดยปีใหม่ 2558 มีผู้เสียชีวิต 341 คน ปีถัดมาเสียชีวิต 380 คน และปีที่แล้วเสียชีวิตถึง 478 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


หากเฉลี่ยข้อมูลในภาพรวมตลอดทั้ง 3 ปี คือ 2558, 2559 และ 2560 พบว่าในแต่ละวันของช่วงรณรงค์เทศกาลปีใหม่ พบว่าเกิดอุบัติเหตุเฉลี่ยวันละ 490 ครั้ง, บาดเจ็บเฉลี่ยวันละ 512 คน และเสียชีวิตถึงวันละ 57 คน โดยตัวเลขเฉลี่ยรายวันในรอบ 3 ปี ถือเป็นเป้าหมายสำคัญ ที่รัฐบาล ศปถ. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งเป้าให้ตัวเลขในปีใหม่ปีนี้ต้องต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุ, ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังวางเป้าหมายรองอื่นๆ ทั้งลดจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุรถโดยสาร และลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟ

นอกจากนี้ ยังพบว่าอุบัติเหตุเหตุหลักในหลายปีที่ผ่านมา เกิดจาก “พฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นหลัก” ทั้งเมาสุราแล้วขับรถ, ขับรถเร็วเกินกำหนด, การไม่เคารพกฎหมาย และขาดวินัย โดยรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ซึ่งการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุในเทศกาลปีใหม่ 2561 ภายใต้โครงการรณงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” จะเริ่มดำเนินการอย่างเข้มข้นเวลา 00.01 น.ของวันที่ 28 ธันวาคม ไปจนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 3 มกราคม 2561.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง