กรุงเทพฯ 14 ธ.ค – สหภาพธุรกิจรัสเซีย-เอเชียแนะทั้งไทยและรัสเซียควรส่งเสริมจุดเด่นเกื้อหนุนกันและกัน และแสวงหาความร่วมมือเพื่อการลงทุนด้วยกัน
วันนี้ สหภาพธุรกิจรัสเซีย-เอเชีย พร้อมด้วยกรมเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งกรุงมอสโก ประเทศจัดการประชุมวิชาการเศรษฐกิจมอสโกประจำปี 2560 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความร่วมมือด้านการลงทุนในกรุงมอสโกที่ประสบความสำเร็จ โดยมีบุคคลสำคัญของไทยและรัสเซียร่วมในงานดังกล่าวด้วย คือ นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเซอร์เก เชอร์โยมิน ผู้อำนวยการกรมเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งกรุงมอสโก นายคิริล บาร์สกี เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยและนักลงทุน
นายเชอร์โยมินกล่าวว่า กรุงมอสโกเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของรัสเซีย ที่ผ่านมากรมเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งกรุงมอสโกวางนโยบายต่างๆ เพื่อกำหนดเป้าหมายให้กรุงมอสโกเป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ เฉพาะช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างกรุงมอสโกกับต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 32% และมีการลงทุนธุรกิจระหว่างประเทศกว่า 50% นอกจากนี้ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเยือนกรุงมอสโกถึง 20 ล้านคน เพราะกรุงมอสโกให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ทั้งด้านทรัพยากรมนุษย์ ด้านนวัตกรรม และด้านเทคโนโลยี
นักลงทุนที่ร่วมการประชุมครั้งนี้ให้ความเห็นว่า รัสเซียและไทยสามารถหาจุดเด่นที่จะส่งผลดีต่อการลงทุนระหว่างกันได้หลายด้าน ประเทศไทยเด่นด้านการส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรกรรม ส่วนรัสเซียเด่นด้านวิศวกรรม ทั้งสองประเทศจึงสามารถส่งเสริมแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้ ที่สำคัญควรดำเนินการให้เป็นระดับนโยบาย มีกฎหมายสนับสนุนที่ชัดเจน ปัจจุบัน ไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งพบว่า ปีนี้มีชาวรัสเซียมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น 2.3% และนักท่องเที่ยวไทยไปรัสเซียมากขึ้นถึง 60%
ขณะที่รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและรัสเซีย จึงเป็นโอกาสดีในการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แนบแน่นขึ้น โดยเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค) มีพิธีสานสัมพันธ์สานมิตรเพื่อลงนามในข้อตกลงความร่วมมือหลายด้านระหว่างปี 2561 – 2563 เช่น สิ่งแวดล้อม การขนส่ง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การศึกษา ด้านผังเมือง ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น.- สำนักข่าวไทย