สงขลา 15 ธ.ค. – วันนี้ (15 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยใน จ.สงขลา และอนุมัติงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการจัดการน้ำในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรง
คาบสมุทรสทิงพระ ประกอบด้วย 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา ที่ผ่านมาประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักภัยแล้ง และน้ำเค็มรุกพื้นที่การเกษตร ล่าสุดนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ พร้อมระบุว่าจะอนุมัติงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท แก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่วัดวารีปาโมก อ.ระโนด จ.สงขล เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งประกอบด้วย อ.ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และสิงหนคร ปีนี้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี น้ำท่วมสูงและท่วมขังยาวนาน
นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลมีความห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างมาก และจะเร่งให้ความช่วยเหลือเต็มที่ โดยเฉพาะพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ เบื้องต้นจะอนุมัติงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ให้กรมชลประทานและ จ.สงขลา ศึกษาแนวทางในการแก้ปัญหาและดำเนินการโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่
ที่ผ่านมาชาวบ้าน อ.ระโนด จ.สงขลา ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างหนัก นาข้าวและพืชผลทางการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง ได้รับความเสียหาย ชาวบ้านเปิดเผยว่ารู้สึกดีใจอย่างมากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่และให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาระบบการจัดการน้ำในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน และเชื่อว่าจะส่งผลดีกับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
นายเดช เล็กวิชัย ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ เปิดเผยว่า พื้นที่คาบสมุทรสทิงพระเป็นพื้นที่ลุ่ม ท้ายน้ำ รับน้ำจาก จ.พัทลุงและนครศรีธรรมราช ก่อนระบายออกสู่อ่าวไทย ซึ่งที่ผ่านมามักประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูน้ำหลาก ขาดแคลนน้ำจืดในช่วงฤดูแล้ง และปัญหาน้ำเค็มรุกพื้นที่การเกษตร ที่ผ่านมากรมชลประทานได้ศึกษาโครงการเพื่อการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ทั้งการก่อสร้างประตูระบายน้ำบ้านท่าเข็น เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทย การก่อสร้างคันกั้นน้ำเพิ่มเติมระยะทาง 18 กิโลเมตร การขยายคลองหัวคลอง คลองพังยาง และคลองหนัง เพื่อเร่งระบายน้ำและเก็บกักน้ำจืดไว้ใช้เพื่อการเกษตร รวมทั้งการขุดลอกคลองที่ตื้นเขิน คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 2,400 ล้านบาท เชื่อว่าจะทำให้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ปีนี้สถานการณ์รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 60,000 คน พื้นที่ถูกน้ำท่วมขังกว่าร้อยละ 90 สร้างความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร แหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของคนภาคใต้ ซึ่งการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและการอนุมัติงบประมาณในครั้งนี้ เป็นความหวังของประชาชนในพื้นที่ให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม พลิกฟื้นผืนดินให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น. – สำนักข่าวไทย