ทำเนียบฯ 4 ธ.ค.-รัฐบาลกำหนดให้บริษัทลูกรัฐวิสาหกิจ 9 แห่งปฏิบัติตามมติ ครม.คุมเข้มเงื่อนไขจ่ายโบนัสบอร์ด-พนักงานลดลง ไฟเขียวบริษัทลูกจดทะเบียนในตลาดหุ้น มีข้อกำหนดตามกลไกตลาดผ่าน 3 เงื่อนไข ก่อนจ่ายโบนัส
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2550บริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตามมติ ครม. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้จึงอนุมัติให้รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทกำหนดแนวทางการประเมินบริษัทในเครือ 3 มิติ ทั้งด้านวัตถุประสงค์การจัดตั้ง ผลดำเนินงาน และแผนการบริหารจัดการองค์กร เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์พิจารณาการจ่ายโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทในเครือที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปัจจุบันมีบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจมีจำนวน 158 แห่ง รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ถือหุ้นมีสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ 23 แห่ง แบ่งเป็นบริษัท 117 แห่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีสภาพไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยฯ 41 แห่ง
สำหรับกำหนดเงื่อนไขการจ่ายโบนัสนั้น ให้ประเมินจากผลดำเนินงานประจำปี ห้ามนำรายได้ส่วนอื่นมาประเมินร่วมด้วย ประกอบด้วย กำไรจากการเอาประกันประเภทต่างขององค์กร ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร เงินกู้ และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของรัฐ ยกเว้นกรณีรัฐวิสาหกิจสถาบันการเงิน กำไรจากการขายที่ดิน อาคาร โรงงาน สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงส่วนควบ กำไรจากการตีราคาทรัพย์สินใหม่ เงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาล ยกเว้นเงินอุดหนุนตามระบบ PSO และกำไรหรือขาดทุนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน จึงห้ามนำมารวมเป็นรายได้เพื่อจัดสรรโบนัสให้กับพนักงาน โดยต้องนำรายได้จากผลดำเนินงานเท่านั้น
เช่น หากบริษัทในเครือมีกำไรไม่เกิน 100 ล้านบาท กำหนดให้จัดสรรโบนัสให้กรรมการบริษัทร้อยละ 3 ของกำไรสุทธิ แต่ไม่เกิน 60,000 บาท และให้จัดสรรเพิ่มขึ้นตามขั้นบันได โดยในกรณีสูงสุดบอร์ดจะได้รับโบนัสไม่เกิน 130,000 บาท ยอมรับว่าข้อกำหนดดังกล่าวทำให้บอร์ดของบริษัทในเครือได้รับโบนัสลดลง สำหรับการจ่ายโบนัสให้กับพนักงงาน กำหนดให้จ่ายในสัดส่วนร้อยละ 9 ของกำไรสุทธิ แต่ไม่เกิน 5 เท่าของเงินเดือน กรณีการจ่ายโบนัสวงเงินร้อยละ 9 ของกำไรสุทธิต่ำกว่า 1 เท่าของเงินเดือน แต่มีกำไรสุทธิมากกว่า 1 เท่าของเงินเดือน ให้จ่ายในอัตรา 1 เท่าของเงินเดือน เป็นต้น กรณีกำไรสุทธิน้อยกว่าเงิน 1 เดือน ให้เฉลี่ยจ่ายโบนัสตามสัดส่วนของกำไรสุทธิ และให้รัฐวิสาหกิจแม่รายงานผลการจัดสรรโบนัสให้กระทรวงการคลังรับทราบเพื่อส่งหนังสือเวียนให้ทราบต่อไป
จากข้อกำหนดดังกกล่าวพบว่า มีบริษัทที่เข้าเกณฑ์การจ่ายโบนัสในหลักการดังกล่าว 9 ราย ประกอบด้วย 1.บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PEA ENCOM บริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 2.บริษัท เอซีที โมบาย จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด หรือ DCAP บริษัทร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 4.บริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด บริษัทในเครือ ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด 5.บริษัท ไทยแลนด์ พริวเลจ คาร์ด จำกัด บริษัท ในเครือ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.
6.บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 7.บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟท.) 8.บริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด หรือ NBN และ บริษัท บริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด หรือ NGDC
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบกรอบเงินเฟ้อทั่วไปประจำปี 61 ตามข้อเสนอของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร้อยละ 2.5 บวกลบร้อยละ 1.5 เพื่อกรอบเงินเฟ้อดังกล่าวใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนปี 60.-สำนักข่าวไทย