อุบลราชธานี 24 ต.ค.-“พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ” รอง ผบ.ตร. ตรวจจุดพบศพ “ผอ.อ้อย” ขณะที่สามีจำกระโปรงสีกากีได้ ตำรวจคาดคนร้ายใช้เข็มขัดรัดคอแล้วทิ้งศพเปลือย
คืบหน้ากรณีญาติของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา อ.บ.ต.ชำ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ พบกระโหลกศีรษะปริศนาบริเวณทางขึ้นเนิน 500 ตำบลโนนสูง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุด พ.ต.อ.สหรัฐ ประสงค์นิจกิจ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี และ พ.ต.อ.สุธี เศรษฐวงศ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.อ.สุระชัย มีหอม ผู้บังคับการกรมหน่วยเฉพาะกิจที่ 23 นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ชุดตรวจสอบวัตถุระเบิด (EOD) ชุดบูรณาการกำลังกว่า 200 นาย ปูพรมค้นหาชิ้นส่วนกระดูกที่คาดว่าเป็นของ ผอ.อ้อย กระจายอยู่ทั่วบริเวณจุดเกิดเหตุกว่า 1 ไร่ ท่ามกลางระเบิดสมัยสงครามไทย-เวียดนาม
การค้นหาวันนี้ ทหารชุดเก็บกู้ระเบิดนำเครื่องตรวจสอบทุ่นระเบิด กว่า 10 เครื่อง เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบระยะทางยาวกว่า 200 เมตร ทำให้พบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มขึ้น และหลักฐานที่น่าจะบ่งชัดเพิ่มขึ้นคือกระโปรงสีกากีแบบข้าราชการปกครอง 1 ตัว กางเกงรัดหน้าท้องสีดำ 1 ตัว ส่วนกระดูกชิ้นใหญ่ที่พบเป็นกระดูกต้นขาซึ่งอยู่ห่างจากจากจุดที่พบนาฬิกาจุดแรกประมาณ 200 เมตร จากการสอบถามแหล่งข่าวรายหนึ่งในชุดตรวจสอบค้นหาระบุว่า การประเมินจุดที่พบวัตถุพยานและชิ้นส่วนกระดูกอยู่ในรูปแบบกระจายเป็นแนวยาวไปทางเนิน 500 แต่จุดที่พบชิ้นส่วนกระดูกกลุ่มใหญ่นั้นอยู่ห่างจากถนนประมาณ 30 เมตร ทำให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่า ศพที่พบอาจจะถูกหมูป่ากัดแทะแล้วลากเข้าไปในป่าจนทำให้ชิ้นส่วนกระจายทั่วพื้นที่ดังกล่าว ด้านนางแหลม อุ่นอ่อน แม่ของ ผอ.อ้อย กล่าวถึงการค้นหาครั้งนี้ว่ายิ่งค้นหาเพิ่มตนก็มั่นใจว่าเป็นลูกสาว เพราะสิ่งที่พบไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา เข็มขัด กางเกงรัดหน้าท้อง เป็นของลูกสาว ส่วนความรู้สึกในตอนนี้มีทั้งดีใจและเสียใจ ส่วนที่เสียใจคือตนได้สูญเสียลูกสาวไปอย่างไม่มีวันกลับ นางแหลมยังเล่าอีกว่าหลายครั้งที่ตนและญาติได้เดินเข้ามาจุดที่พบศพวันนี้แต่ก็ไม่เห็นหรือได้กลิ่นอะไรเลย เพราะอาจจะยังไม่หมดกรรม แต่ตอนนี้เจอแล้วก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการตรวจสอบเมื่อเสร็จขบวนการก็จะรับกระดูกมาทำพิธีทางศาสนา ส่วนคนที่ทำตนเองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรก็ให้เป็นไปกฎหมายและเวรกรรม นายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปี สามีของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า กระโปรงสีกากีและสเตย์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบนั้น มั่นใจว่าเป็นของ ผอ.อ้อย แน่นอน
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้นสถานที่เกิดเหตุและมีความเชี่ยวชาญคดีอาชญากรรม เปิดเผยว่าร่างของ ผอ.อ้อย คาดว่าถูกคนร้ายฆ่าด้วยการใช้เข็มขัดสีกากีรัดคอจากด้านหลัง สังเกตจากเข็มขัดมีเส้นผมติดอยู่ และมีเศษกระดูกบริเวณคอติดอยู่กับเส้นผมประมาณ 3 ชิ้น จากนั้นคาดว่าคนร้ายนำศพมาทิ้งไว้ โดยถอดเสื้อผ้าออกเพื่ออำพรางศพ และลักษณะของศพไม่ได้ถูกเผาหรือฝัง เป็นการนำมาทิ้งไว้ให้เน่าสลายตามธรรมชาติ มีการนำเศษใบไม้มาปกคลุมอำพรางสายตาคนทั่วไปเอาไว้ และคาดว่าศพอาจจะถูกสัตว์ป่ากัดแทะกิน ทำให้เหลือแต่กระดูก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบว่า กระโปรงที่พบนั้น ผอ.อ้อย ซื้อมาจากร้านไหน อย่างไร ขณะนี้ได้เบาะแสข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้คืบหน้ามากแล้ว
ส่วนการดำเนินการทางวินัยทหารกับ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา 8 ข้อหาเกี่ยวพันกับคดีการหายตัวไปของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือผอ.อ้อย ว่า ทางหน่วยต้นสังกัดคือกองพันหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่6 (ร.6 พัน.2) ได้ทำหนังสือขึ้นมาตามลำดับชั้นผ่านทางกองทัพภาคที่ 2 กองทัพบก เสนอไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อขออนุมัติพักราชการ ร.อ.ศุภชัยแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนทางคดีอาญา และเป็นไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งที่ผ่านมากองทัพได้ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน ทั้งเรื่องการค้นหาศพมาโดยตลอด แต่ก็ไม่พบเนื่องจาก ร.อ.ศุภชัย ปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม จุดที่พบศพนั้นไม่ได้อยู่ในค่ายทหาร แต่อยู่ฝั่งชายแดนด้านช่องบก ห่างจากฐานทหารอนุพงษ์เข้ามาบริเวณพื้นที่เนิน 500 ถือเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปท่องเที่ยวได้ ไม่ใช่อยู่ในอาณาบริเวณฐานทหาร และที่ผ่านมาเคยมีการไปค้นหลายจุด เช่น บริเวณช่องอ่านม้าแต่ก็ไม่พบ ถือว่ากองทัพภาคที่2ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่
เมื่อเวลา 15.30 น. พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะเดินทางลงพื้นที่ เพื่อตรวจหลักฐาน และติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดทำงาน โดยมี พลตำรวจโท ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พลตำรวจตรี สุรเดช เด่นธรรม ผู้บังคับกการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พันเอก ประจวบ มูลประดับ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 ให้การต้อนรับ ซึ่งการเข้าตรวจหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพ
พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ ที่ประชาชนสนใจ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญ ได้กำชับ ตำรวจภูธรภาค 3 ให้ติดตามคลี่คลายคดี และกำชับพนักงานสอบสวน ให้ทำคดีด้วยความรัดกุมรอบคอบ ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยเป็นนายทหาร ส่วนการตรวจดีเอ็นเอจากพยานหลักฐานต่างๆ ที่พบ จะประสานไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา ด้วยตนเองเพื่อให้ทราบผลเร็วที่สุด
ทางด้าน พันเอกประจวบ มูลประดับ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ผู้บังคับบัญชา ร้อยเอก ศุภชัย ภาโส ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี หรือผู้กองเหน่ง ผู้ต้องหาในคดี กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางกรมทหารราบที่ 6 ได้เสนอสั่งพักราชการ ร้อยเอกศุภชัย ไปแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างรอคำสั่งอนุมัติจากกระทรวงกลาโหม.-สำนักข่าวไทย