“วิโรจน์” ยื่นกรมสรรพากร จี้ปมใช้ตั๋ว PN

กรมสรรพากร 28 มี.ค. – “วิโรจน์” ยื่นกรมสรรพากร จี้อธิบดี-คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ทำเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัด ใช้ตั๋ว PN ไม่ผิด ตั้งข้อสังเกตนายกฯ ซื้อขายทิพย์ เจตนาทำนิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษี เพราะเสียอากรเพียง 27 บาท หวั่นประชาชนทำตาม กระทบจัดเก็บภาษีทำประเทศเสียรายได้ ยันคนละเรื่องกับยื่น ป.ป.ช.


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เดินทางเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้วินิจฉัยการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว PN) ในการซื้อหุ้น และตรวจสอบพฤติการณ์ใดเข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพราง หลบเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงภาษีที่ผิดกฎหมาย โดยมีนางสาวนลพรรณ ธงมรกต เลขานุการกรม กรมสรรพากร รับหนังสือ

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ต้องมีการวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ และเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าการกระทำในลักษณะอย่างนี้ เข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เจตนาที่แท้จริงคือการรับให้หุ้นของบุคคลในครอบครัว แต่ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือใช้เครื่องมือทางการเงิน เพื่อทำนิติกรรมอำพราง เปลี่ยนเจตนาที่แท้จริงคือการรับให้ เป็นการซื้อขายเพียงแค่รูปแบบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ 5% ใช่หรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ถือว่าสำคัญมาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นผู้นำประเทศ ที่ถืออำนาจรัฐ เป็นหัวหน้ารัฐบาลเป็นประมุขฝ่ายบริหาร และเป็นประธานคณะกรรมการนโยบาย การเงินการคลังโดยตำแหน่งด้วย ซึ่งถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย ต่อสาธารณะ ในเรื่องของวินัยการเงินการคลังอย่างชัดเจน


ส่วนที่นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพกรชี้แจงแล้วว่าสามารถทำได้นั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า เป็นการชี้แจงในลักษณะ ที่ปักใจเชื่อไปแล้วว่า นี่คือการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงๆ แต่ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยเลยว่า นี่เป็นนิติกรรมอำพราง สังเกตหรือไม่ว่านายปิ่นสาย ชี้แจงในลักษณะที่ว่า ถ้าหากมีการชำระเงินตามตั๋ว PN ทางผู้ขาย ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวหากมีกำไร จากการขายหุ้น ก็ต้องไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90-91 แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เป็นข้อสงสัยของสาธารณะ แต่ประเด็นคือนี่ไม่ใช่การซื้อขายกันจริงๆใช่หรือไม่ เป็นเพียงการทำธุรกรรมซื้อขายทิพย์ หรือซื้อขายปลอม เป็นการซื้อขายเพียงแค่รูปแบบเพื่อบดบังเจตนาที่แท้จริง นี่คือการรับให้หุ้นจากครอบครัว หรือได้หุ้นมาจากการให้ ของพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ถ้าหากเป็นการรับให้ ส่วนที่เกิน 20 ล้านก็ต้องเสียภาษี 5% ส่วนที่เกิน 10 ล้าน ก็ต้องเสียภาษีในอัตรา 5% ดังนั้นการวินิจฉัยอยากเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นทางการ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะประชาชนสงสัยว่าหากทำตามนายกรัฐมนตรี เช่น เจ้าของกิจการที่กำลังจะโอนหุ้นให้กับลูกมูลค่า 20 ล้าน เปลี่ยนใจไม่โอนหุ้นให้ลูกแล้ว แต่ให้ลูกออกตั๋ว PN หรือการทำสัญญาเงินกู้อื่นใด แลกกับมาโดยที่ไม่มีกำหนดชำระ และไม่มีอัตราดอกเบี้ย ในลักษณะนี้จะทำได้หรือไม่ กรมสรรพากรจะไม่เลือกปฏิบัติใช่หรือไม่ จะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่สรรพากรไปเรียกเก็บภาษีรับให้กับประชาชนรายนั้น ใช่หรือไม่

ส่วนการประเมินรายได้ของบุคคลกรมสรรพากรก็ไม่ได้มีการเผยแพร่ ออกมาเป็นรายบุคคลอยู่แล้วนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องชี้แจงต่อสาธารณะ เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ถ้ากรณีนี้นางสาวแพรทองธารทำได้ประชาชนทั่วไปก็ต้องทำได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องการโอนหุ้นอย่างเดียวยังรวมสินทรัพย์สินอื่นใด ที่มีการจดทะเบียน เช่นที่ดิน

สำหรับวิธีที่จะพิสูจน์ว่าไม่ได้มีการซื้อขายกันจริงๆ นายวิโรจน์บอกว่าต้องดูพฤติการณ์ ดูเจตนา ตนคิดว่าคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร สามารถที่จะตรวจสอบและสืบสวนสอบสวน ในกรณีนี้ได้ วันนี้ตนจึงทำหนังสือขอให้อธิบดีกรมสรรพากร ดำเนินการตามประมวลรัษฎากร คือไปขอความเห็นเพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัย กรณีของนางสาวแพทองธาร ออกมาอย่างเป็นทางการและเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้เป็นแนวปฏิบัติของประชาชนทั่วไป


“เรื่องนี้สำคัญมาก ตอนนี้ทุกคนรู้ว่ากรมสรรพากร และหน่วยงานจัดเก็บภาษี จัดเก็บรายได้ของแผ่นดินมีการเร่งรัด การเก็บภาษีอย่างรัดกุมมากๆ พ่อค้า แม่ขายที่ขายก๋วยเตี๋ยว ขายข้าวแกง ก็มีเจ้าหน้าที่สรรพากรนับจานนับชามเพื่อขอขึ้นภาษีเพิ่มเติม อินฟูเอนเซอร์ ยูทูปเบอร์ ที่มีรายได้จาก การรีวิวสินค้า ก็ถูกเร่งรัดการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือในกรณีของพ่อค้าแม่ขายทั่วไปที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ถ้ารายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปี ก็จะต้องถูกกรมสรรพากรเร่งรัด ให้จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม” นายวิโรจน์ กล่าว

ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบการทำหน้าที่ของอธิบดีด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่าการให้ความเห็นของอธิบดี เบื้องต้นอาจจะมีการปักใจเชื่อโดยส่วนตัว ตนก็มาชวนให้ฉุกคิด และตั้งคำถามว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นเรื่องสำคัญหากนางสาวแพทองธารทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนก็ทำบ้าง ซึ่งการมีช่องว่างทางกฎหมายมีหลักที่คิด 2 เรื่องคือ 1. คนที่ทำถ้าทำถูกกฎหมายต้องพร้อมเปิดเผย เพราะมั่นใจว่าสุจริตถูกกฎหมายและเป็นธรรม ส่วนคนที่ไม่กล้าแสดงตัว มีพฤติกรรมหลบๆซ่อนๆเพราะต้องระแวง เพราะไม่รู้ว่าผิดรู้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าผิดกฎหมายก็สู้ได้เพราะตีความตามตัวอักษร 2.อะไรที่เป็นผลประโยชน์ต่อสาธารณะยิ่งทำมากยิ่งดีเช่นการซื้อประกันที่มีการบอกต่อๆกัน

“หากนางสาวแพทองธารทำถูกต้องแล้วประชาชนทุกคนทำตามสาธารณะได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายเป็นผลกระทบร้ายแรงต่อการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน” นายวิโรจน์ กล่าว

ส่วนการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)2,900ล้านบาทนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า คนละเรื่องกัน การยื่นป.ป.ช.ไม่ได้หมายความว่า การชำระภาษีถูกต้องครบถ้วน วันนี้ตนทำใจเป็นกลางต้องการฟังคำวินิจฉัย จากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพราะความเป็นธรรมถ้านายกรัฐมนตรี ที่เป็นประชาชนคนหนึ่งทำได้ แต่มีความเสียหายในการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน นั่นหมายความว่าต่อแต่นี้เป็นต้นไปภาษีการรับให้ จะไม่สามารถจัดเก็บได้เลย

“ส่วนที่ว่าทำไมจะต้องใช้ตั๋ว PN ทำไมไม่ได้ใช้เป็นสัญญาณเงินกู้เพราะมีในเรื่องของค่าอากรด้วย ถ้าสัญญาเงินกู้ทุก2000เสีย1บาทแต่จะมีเพดานที่10,000บาท แต่การเป็นหนี้ระดับร้อยล้านพันล้าน แต่มีเพดานค่าอากรอยู่ฉบับละ 10,000 บาท 9 ฉบับรวม 90,000 บาท แต่ถ้าใช้ตั๋ว PN ค่าอากรฉบับละ 3 บาท ดังนั้นการที่เลือกใช้ตั๋ว PN เป็นการประหยัดค่าอากร จาก 90,000 ก็ไม่ต้องเสียเสียแค่ฉบับละ 3 บาท รวม 27 บาทเท่านั้นเอง ที่รัฐได้จากสัญญา 9 ฉบับ แต่ถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ก็ไม่ผิดแต่สะท้อนว่า มีการบริหารภาษีได้อย่างดุดัน และดุดันแบบไม่เกรงใจใคร และในกรณีของผู้ถือหุ้นที่ขายกันในราคาทุนไม่มีส่วนเกินหรือกำไร ก็ไม่ต้องชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่าการที่มุ่งเป้าไปที่นางสาวแพทองธารเพราะไม่ใช่บุคคลทั่วไป เป็นนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจรัฐ

สำหรับระยะเวลา นายวิโรจน์มองว่าควรให้เวลาในการทำงาน จึงถามตัวเองก็จะใช้กลไกของกรรมาธิการพัฒนาการเศรษฐกิจ ขอสภาผู้แทนราษฎรติดตามความคืบหน้า และอาจจะต้องเชิญอธิบดีกรมสรรพากร ไปชี้แจงที่ประชุม และเชิญ ผู้แทนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพราะกรณีนี้หากเป็นไปในแนวทางปฏิบัติของอธิบดีกรมสรรพากรภาษีการรับให้จะไม่สามารถจัดเก็บได้เลย ทั้งนี้ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้อย่างแน่นอนและสุดท้ายจริงๆอยากจะบอกว่า หลายคนตีความเจตนา คิดว่าตั๋ว PNเป็นเครื่องมือทางการเงิน ในการให้เครดิตระยะสั้น ไม่ได้ผิดอะไร แต่ต้องดูเจตนาที่แท้จริงว่าเป็นการซื้อขายจริงหรือไม่หรือสร้างการซื้อขายผิดรูปแบบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้

“เจตนาที่แท้จริง เป็นการซื้อขายจริงก็ไม่ผิดแต่เจตนาที่แท้จริง คือการจงใจทำนิติกรรมอำพรางสร้างรูปแบบการซื้อขายขึ้นมาทั้งที่เจตนาที่แท้จริงคือการรับให้หุ้น ถ้าเจตนาเป็นนิติกรรมอำพรางยืนยันแล้วผิด ดังนั้นคนที่จะสืบสวนเรื่องนี้และมีคำวินิจฉัยออกมาว่า เงื่อนไของค์ประกอบและวิธีการอะไร ที่จะเข้าข่ายการทำผิดนิติกรรมอำพรางสร้างการซื้อขายที่ คือคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร คนสองคน คนนึงซื้อขายกันจริงๆกับคนนึงจงใจ ผลสัมฤทธิ์ก็อาจจะเหมือนกัน แล้วต้องย้อนไปเรื่องการยักย้ายถ่ายเทหุ้นของแพทองธาร กับคนอื่นๆด้วย” นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกต ว่ากำไร ที่ต้องจ่ายนั้น หักไปจ่ายในอีก 20 ปีก็สามารถทำได้ เพียงแต่ ต้องมองว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าค่าของเงินเฟ้อ อาจทำให้มูลค่าของกำไรลดลง

จากนั้นเวลา 11:00 น. นายวิโรจน์ พร้อมด้วยนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กรุงเทพฯ และ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ จะเดินทาง เดินทางไปกรมที่ดิน เพื่อยื่นหนังสือขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม Thames Valley เขาใหญ่ของนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งพรรคประชาชนได้อภิปราย ว่าสามารถครอบครองได้แต่ออกโฉนดไม่ได้.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง