ยอดจัดเก็บรายได้สะสม 5 เดือนแรก ปีงบ 68 พุ่ง 7.9 แสนล้าน

กทม. 8 มี.ค. –เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น ยอดจัดเก็บรายได้สะสม 5 เดือนแรก ปีงบ 2568 พุ่ง 7.9 แสนล้าน สูงกว่าเป้า 8.6 พันล้าน แนะยื่นภาษีตามเวลาไม่มีค่าปรับหรือเงินจ่ายเพิ่ม


นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมสรรพากร รายงานตัวเลขการจัดเก็บรายได้สะสม 5 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 – ก.พ. 2568) อยู่ที่ 795,334 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 29,216 ล้านบาท คิดเป็น 3.8% และสูงกว่าประมาณการ 8,676 ล้านบาท คิดเป็น 1.1% โดยในเดือนกุมภาพันธ์ กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 149,117 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 5,790 ล้านบาท คิดเป็น 4.0% และสูงกว่าประมาณการจัดเก็บภาษีสรรพากรตามเอกสารงบประมาณ 1,088 ล้านบาท คิดเป็น 0.7%

สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ตัวขับเคลื่อนหลักยังคงเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการบริโภคภายในประเทศที่สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7.8% รวมทั้ง ยังมีตัวขับเคลื่อนเพิ่มเติมคือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7.9% ซึ่งเป็นผลมาจากการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91


“ขอให้ประชาชนดำเนินการยื่นภาษีให้ทันภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและเงินเพิ่มที่อาจเกิดขึ้นหากยื่นภาษีล่าช้าหรือไม่ชำระเงินภาษีภายในกำหนด โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.หากไม่ยื่นภายในกำหนด 31 มีนาคม 2568 จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่สามารถขอลดค่าปรับได้ 2.ยื่นภาษีผ่านอินเทอร์เน็ตแต่ไม่ได้ชำระเงินภาษีภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 จะต้องไปดำเนินการชำระภาษีที่สำนักงานสรรพากร พร้อมเสียเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือน ของเงินภาษีที่ต้องชำระ รวมถึงค่าปรับกรณียื่นล่าช้า 3.หากยื่นภาษีเกินกำหนดและมีภาษีที่ต้องชำระ จะต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของยอดภาษีที่ค้างชำระ และยังต้องเสียค่าปรับตามกฎหมาย แต่หากไม่มีภาษีที่ต้องชำระ จะเสียเพียงค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และ 4.กรณีที่ยื่นภาษีเพิ่มเติมหลังพ้นกำหนด หากมีภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่ม จะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือน แต่ไม่ต้องเสียค่าปรับ

ทั้งนี้ สามารถยื่นภาษีออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสรรพากร โทร. 1161” นางสาวศศิกานต์ ระบุ.-319 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แจ้งความผู้ว่าสตง.

2 พิธีกรดังเข้าแจ้งความกล่าวโทษผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.ถล่ม

สองพิธีกรชื่อดัง เข้าแจ้งความกล่าวโทษ ผู้ว่าฯ สตง. และอดีตผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม แต่ไม่มีใครรับผิดชอบ มองอาจไม่ชอบมาพากล หวั่นเวลาผ่านไปเอาผิดใครไม่ได้

ก้อนปูนตกใส่รถ

กทพ. แจงก้อนปูนตกใส่รถผู้ใช้ทาง มีคนโยนลงมาจากสะพานลอย

กทพ. ชี้แจงกรณี ก้อนปูนตกใส่รถผู้ใช้ทาง ไม่ได้เกิดจากการกระเทาะของโครงสร้างทางพิเศษบูรพาวิถี แต่มีผู้โยนลงมาจากสะพานลอย จ่อประสานตำรวจตามตัวดำเนินคดี

ปล่อยกู้ดอกโหด

บุกทลาย “บ้านเสี่ยโน้ต” ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยมหาโหด 1,825% ต่อปี

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บุกทลาย “บ้านเสี่ยโน้ต” ปล่อยเงินกู้เฉพาะผู้หญิง คิดดอกเบี้ยมหาโหดร้อยละ 1,825 ต่อปี ไม่จ่ายโดนข่มขู่ประจานไม่เลือกหน้า

ข่าวแนะนำ

โรคแอนแทรกซ์

สธ.เฝ้าระวังโรคแอนแทรกซ์ ย้ำประชาชนอย่าเพิ่งตระหนกตกใจ

หลังมีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อแอนแทรกซ์ รวมถึงยังต้องเฝ้าระวังตรวจคัดกรองหลายร้อยคน การระบาดในพื้นที่ภาคอีสานรอบนี้ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กรมควบคุมโรคเร่งเฝ้าระวังและควบคุมโรคแอนแทรกซ์ ย้ำพี่น้องประชาชนอย่าเพิ่งตระหนกตกใจ

ประณามยิงประชาชน

แม่ทัพภาคที่ 4 ประณามคนร้ายยิงประชาชนเสียชีวิต-สั่งปรับแผนความปลอดภัย

แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ติดตามเหตุยิงประชาชนใน อ.จะแนะ และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส สั่งปรับแผนการปฏิบัติในพื้นที่ล่อแหลม เสี่ยงต่อการก่อเหตุรุนแรง สร้างความปลอดภัยสูงสุดในการดูแลประชาชน พร้อมประณามการกระทำโหดเหี้ยม

แอนแทรกซ์

สธ.เผยติดเชื้อแอนแทรกซ์โอกาสตายสูงถึง 80%

สธ. เผยแอนแทรกซ์ เป็นโรคติดต่อร้ายแรง โอกาสเสียชีวิตสูงถึง 80% ส่วน จ.เลย ชาวบ้านพบวัวตายตัว สำนักงานปศุสัตว์ฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้น คาดกินเชือกไนล่อนมัดฟางเข้าไป ทำให้อุดตันทางเดินอาหาร ไม่น่าเกิดจากโรคระบาดสัตว์ เนื่องจากวัวในฝูงที่เหลืออยู่ ยังมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี