14 มี.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
วันนี้ (วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๘) เวลา ๑๗.๓๔ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง


เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง เสด็จเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปด้านหลังฐานชุกชี เสด็จขึ้นเกยไปยังบุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงถวายพวงมาลัยสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ ทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ ทรงหยิบพระมหาสังข์ประจำพระองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงรับพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏจากเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงรับผ้าขาวจากเจ้าพนักงานภูษามาลาซับตามองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วทรงรับมงกุฎประจำฤดูร้อนจากเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงสวมถวายที่พระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม ต่อจากนั้น เสด็จลงจากเกยไปประทับพระราชอาสน์ที่จัดไว้ข้างฐานชุกชี ทรงหยิบผ้าขาวที่ซับองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรชุบพระสุคนธ์ในโถแก้ว แล้วทรงบีบลงในโถแก้วและหม้อน้ำ



เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปที่ฐานชุกชี ทรงวางกระทงดอกไม้บนพานหน้าฐานชุกชี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่ง และทรงจุดเทียนห่วงบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงคม เสร็จแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ

เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์เพชรน้อย ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระมหาสังข์เพชรน้อย แล้วสรงที่พระเศียร ต่อจากนั้น พระราชทานน้ำสังข์นครแก่พระราชวงศ์ที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ข้าราชการที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทภายในพระอุโบสถ เสร็จแล้ว พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียน ๓ รอบ และเจิมที่ฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระอุโบสถ ทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ


ต่อมาเวลา ๑๘.๓๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางแซรัป แอร์ซอย (Mrs. Serap Ersoy) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย ซึ่งพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่



จากนั้น เวลา ๑๘.๕๓ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม นำคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการและนวัตกรรมดิจิทัล พร้อมครุยวิทยฐานะ แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงอุทิศพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยพระวิริยอุตสาหะ และทรงช่วยแบ่งเบาพระราชกรณียกิจได้เป็นอย่างดี โดยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจหลายด้าน อาทิ ด้านการทหาร การศาสนา การต่างประเทศ การอนุรักษ์ธรรมชาติ การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม การดูแลสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังทรงตั้งพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการสืบสานศิลปะและงานฝีมือของราษฎรในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ราษฎรผลิตงานด้านศิลปหัตถกรรมเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากการทำเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลัก พระราชกรณียกิจดังกล่าวล้วนสำเร็จลุล่วงสมดังพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ด้วยทรงมีพระปรีชาสามารถในการบริหารจัดการมาโดยตลอด ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในการวางแผน การจัดการองค์การ การอำนวยการ การประสานงาน การบังคับบัญชา การควบคุมและการกำกับดูแล การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทรงนำความรู้และพระปรีชาสามารถไปใช้ในการบริหารโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ในการนำแนวคิดและหลักการจัดการสมัยใหม่ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ.-211-สำนักข่าวไทย