ทำเนียบ 14 มี.ค.-“จิราพร” เผยผลงานปราบบุหรี่ไฟฟ้า 2 สัปดาห์ เกือบเทียบเท่าปี 67 เน้นคนขาย-นำเข้า ตัดซัพพลายออก ยืนยันไม่ว่ารายใหญ่-รายเล็ก ไม่มีเล็ดลอดเด็ดขาด พร้อมสกัดขายทางออนไลน์ เตรียมเปิดระบบแจ้งเบาะแสผ่าน “แอปทางรัฐ” เชื่อ 30 วันดีขึ้น หลังมีเสียงสะท้อนเริ่มหาของไม่ได้
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บนตึกไทยคู่ฟ้า ว่า เป็นการหารือตามข้อสั่งการของนายกฯก่อนหน้านี้ที่ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมาได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงานประชุม และกำหนดแนวทางหลักๆ ไว้ 3 แนวทาง คือ 1.ป้องกันการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลัก จะมีการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นขึ้น ทุกคดีที่จับกุมได้กรมศุลกากรจะไม่มีการระงับคดี และจะส่งให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้ดำเนินการคดีต่อ รวมไปถึงส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินในการขยายผล ยึดทรัพย์
น.ส.จิราพร กล่าวว่า 2.การปราบปรามภายในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมศุลกากร ทำงานร่วมกันเพื่อปูพรมกวาดล้าง ทั้งร้านที่มีที่ตั้งและทางออนไลน์ ทั้งนี้ หากเป็นของกลางที่มีมูลค่าเกิน 5 แสนบาทขึ้นไป จะส่งให้ ปปง.ดำเนินการต่อทันที แต่หากต่ำกว่าตำรวจจะทำการสืบทรัพย์ก่อน และส่งให้ ปปง.ด้วยเช่นกัน
“ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ รายเล็ก จะไม่มีเล็ดลอดเด็ดขาด หากเป็นรายใหญ่จะดำเนินการต่อ แต่หากเป็นรายเล็กจะสืบสาวจนถึงรายใหญ่ ส่วนร้านค้าออนไลน์จะมีการร่วมมือกันกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และบริษัทขนส่งในแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อจะสกัดกั้นการขายทางออนไลน์ โดยกระทรวงดีอีได้รายงานมาว่า ได้มีการปิดเว็บไซต์ที่จำหน่ายทางออนไลน์ 9 พันกว่าเว็บไซต์“รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า ช่วงเวลา 2 สัปดาห์เศษที่นายกฯมีข้อสั่งการมา มีการจับกุมผู้กระทำความผิด 1,078 คดี ของกลาง 900,444 ชิ้น มูลค่าของกลาง 118,953,915 บาท หากเทียบกับปี 67 ปรากฏว่า จำนวนคดีที่จับกุมได้ ในระยะ 2 สัปดาห์เศษที่ผ่านมาเกือบเทียบเท่ากับปี 67 เกือบทั้งปี แสดงให้เห็นว่า การทำงานอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผลมาจากการซีลชายแดนและการปราบปรามร้านค้า และการเน้นประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชน โดยเฉพาะการสร้างความรับรู้ในสถานศึกษา โดยจะทำทั้งออนไลน์และออนไซต์ ซึ่งนอกจากการดำเนินการเชิงรุกแล้ว จะมีการเปิดช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ และแอปดังกล่าวจะคอยแจ้งผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งจะเน้นไปที่ผู้ขายและผู้นำเข้า เพื่อต้องการตัดซัพพลายออก
“ตอนนี้ได้รับเสียงสะท้อนมาว่า บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มหาของไม่ได้ เพราะขณะนี้ตำรวจเอาจริง และเชื่อว่า ในระยะเวลา 30 วันจะดีขึ้น” น.ส.จิราพร กล่าว
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า 3.คือ การแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วยการนำกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำมารีวิวและทบทวนว่า มีส่วนใดที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางสภาผู้แทนราษฎรจะมีผลศึกษาจากกรรมาธิการด้วย
ส่วนการแก้ไขกฎหมายจะเป็นการเพิ่มโทษหรือแก้ไขให้ถูกกฎหมายแล้วควบคุม นั้น น.ส.จิราพร กล่าวว่า กฎหมายมีหลายฉบับต้องมีการทบทวน รีวีว และรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน เพราะแต่ละประเทศมีการรับมือบุหรี่ไฟฟ้าที่แตกต่างกันในหลายรูปแบบ แต่รัฐบาลต้องเน้นไปที่การดูแลเด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้
ทั้งนี้ ในการหารือนายกฯได้กำชับเรื่องเด็กและเยาวชนเป็นพิเศษ รวมถึงเรื่องแก๊สหัวเราะที่มีเป้าหมายไปที่เด็กและเยาวชน ตลอดจนให้ความสำคัญกับเรื่องการปราบปรามยาเสพติด และเมื่อวันที่ 13 มี.ค. มีเคสที่น่าสนใจคือ การลักลอบผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย นายกฯจึงสั่งปราบปรามเข้มข้น
ส่วนกรณีที่มีปรากฏภาพ สส.ฝ่ายค้านสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่อาคารรัฐสภา น.ส.จิราพร กล่าวว่า ตามที่เป็นข่าวภาพนั้นอยู่ในบริเวณรัฐสภา ทางรัฐสภาต้องดูว่าจะมีมาตรการอะไร และกฎระเบียบอะไรที่จะดำเนินการ รวมถึง สส.ถือว่า เป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่จะต้องบังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง และต่อตัวบทกฎหมาย ฉะนั้น ถ้าคิดว่า ตัวเองกระทำความผิดก็สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นเบาะแสหรือแหล่งที่ซื้อ.-316.-สำนักข่าวไทย