24 ก.พ. – “สนธิญา” ยื่นหนังสือดีเอสไอขอทบทวนการรับคดีการเลือกตั้ง สว. มองทั้งสองหน่วยงานควรทำงานร่วมกัน ถามพยานหลักฐานที่ดีเอสไอได้ขณะนี้ มีข้อมูลจาก กกต.ด้วยหรือไม่
นายสนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อให้ทบทวน การรับคดีการเลือกตั้ง สว. ในประเด็น ฮั้วเลือกตั้ง อั้งยี่ ซ่องโจร โดยกล่าวว่า เรื่องนี้ตนอยู่ในเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์มาโดยตลอด เพราะตนเป็นอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา เขตปทุมวันของกรุงเทพมหานคร โดยตนผ่านในระดับอำเภอและมาตกรอบในระดับจังหวัด ซึ่งตนได้ร้องการฮั้วเลือกตั้ง ในรอบแรกระดับอำเภอของเขตปทุมวัน ที่มีบริษัทไฟฟ้าขนาดใหญ่ เข้าไปมีส่วนร่วม และ กกต.เรียกสอบไปแล้ว 2 ครั้ง จึงมองว่าก่อนที่คณะกรรมการคดีพิเศษที่จะมีประชุมในวันพรุ่งนี้ ว่าจะรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ขอให้ดีเอสไอพิจารณาเหตุผลของตนประกอบก่อนตัดสินใจด้วย คือหากมีการฮั้ว อั้งยี่ ซ่องโจร จริงแต่การที่ กกต. รับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้นั้น ก็เท่ากับว่า กกต.กำลังละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ไม่ได้ดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับการฮั้ว และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กกต.เป็นหน่วยงานที่ได้รับการบัญญัติเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้ง สว. จึงมีสิทธิในการจัดการเลือกตั้ง ตรวจสอบการดำเนินการต่างๆ และขณะนี้ก็มีเรื่องเกี่ยวกับ สว.ที่มีการร้องอยู่ใน กกต.อยู่แล้ว และอยู่ในระหว่างการพิจารณา
นายสนธิญา ยังกล่าวว่า ตนเห็นกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มาร้องก็ไม่ใช่เป็นบุคคลที่เคยสมัครวุฒิสภา จึงไม่รู้ว่ากระบวนการเลือกตั้ง ที่มีการเข้มงวดมาก ขนาดไปในห้องน้ำยัง กวดขันอย่างไรขนาดไปในห้องน้ำยังมีคนเดินตามไปสองคน ตอนนั่งอยู่ในแถวก็ห้ามไม่ให้มีการพูดคุยกัน
กรณีการฮั้วการเลือกตั้ง ในห้องที่จัดให้มีการเลือกตั้ง สว.นั้น บุคคลภายนอก ที่ไม่มีส่วนเข้าไป ยกเว้นคณะกรรมการ ก็จะไม่มีส่วนรู้เห็นว่ากระบวนการทำกันอย่างไร ไม่ว่าประเด็นในเรื่องของการลงคะแนน การเลือกคนในกลุ่มเดียวกัน การเลือกไขว้ การขานชื่อ ที่แสดงให้เห็นถึงการฮั้ว กกต. มีหลักฐาน บันทึก เป็นข้อมูลไม่ว่า ภาพเสียง วีดีโอไว้ครบถ้วน สมบูรณ์ประเด็นนี้ ถ้าจะประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการฮั้ว อั้งยี่ ซ่องโจร ก็ต้องดูผลคะแนน การเลือกตั้ง มาประกอบด้วย แต่จากการที่ตนไปร้องก่อนหน้านี้และพยายามขอข้อมูลดังกล่าวก็ไม่ได้จาก กกต.เพราะการที่แต่ กกต.จะให้ข้อมูลใด ๆ ต่อหน่วยหน่วยงานใดนั้น ต้องอาศัยคำวินิจฉัยของศาลเพื่อดำเนินการทั้งหมด แม้ดีเอสไอจะมีหลักฐาน รายชื่อ กระบวนการอย่างหนึ่งอย่างใด แต่หากไม่ได้รับการยินยอมเกี่ยวกับหลักฐานของ กกต. เป็นหลักฐานไม่สมบูรณ์ เพราะตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ผู้ที่จะนำผลการเลือกตั้งที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง รับรองหรือไม่รับรอง เป็นหน้าที่ของ กกต.เป็นหลัก
กรณีดีเอสไอตรวจสอบว่ามีมีความผิดฮั้วหรืออะไรก็ตามที่ผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้จึงขอถามว่าเอกสารประกอบการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นวิดีโอคลิปการขายชื่อขันคะแนนที่อยู่ในหน่วยเลือกตั้งดีเอสไอได้ขอข้อมูลเหล่านี้ขอไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือไม่
ดีเอสไอ จึงต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ในประเด็นนี้ เพราะอาจจะขัดกันเรื่องของกฎหมาย บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว.-417-สำนักข่าวไทย