โจฮันเนสเบิร์ก 3 ก.พ. – ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ จะหาทางหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่ประกาศว่าจะตัดการให้ความช่วยเหลือแก่แอฟริกาใต้ โดยอ้างว่าแอฟริกาใต้ยึดที่ดิน
ทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้เผยแพร่ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีรามาโฟซาในวันนี้ว่า กำลังหาทางหารือกับรัฐบาลทรัมป์เรื่องนโยบายปฏิรูปที่ดินของแอฟริกาใต้และประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ทวิภาคี โดยมั่นใจว่า การหารือจะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้แบ่งปันความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ได้ดีขึ้น ถ้อยแถลงย้ำว่า แอฟริกาใต้เป็นประเทศประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญที่ยึดมั่นอย่างยิ่งในหลักนิติรัฐ ความยุติธรรม และความเสมอภาค และรัฐบาลแอฟริกาใต้ไม่ได้ยึดที่ดินแต่อย่างใด
ประธานาธิบดีรามาโฟซากล่าวเสริมในวันนี้ว่า นอกจากความช่วยเหลือในแผนฉุกเฉินของประธานาธิบดีสหรัฐเพื่อการบรรเทาโรคเอดส์ (PEPFAR) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 17 ของโครงการเอชไอวี/เอดส์ของแอฟริกาใต้แล้ว แอฟริกาใต้ไม่ได้รับเงินช่วยเหลืออย่างมีนัยสำคัญอื่นใดจากสหรัฐ
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์โดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่า แอฟริกาใต้กำลังยึดที่ดิน และคนบางกลุ่มกำลังได้รับการปฏิบัติที่แย่มาก ดังนั้นเขาจึงจะตัดงบสนับสนุนแอฟริกาใต้จนกว่าจะมีการสืบสวนสอบสวนในเรื่องนี้
เดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้นำแอฟริกาใต้ได้ลงนามร่างกฎหมายเปิดทางให้รัฐสามารถเวนคืนที่ดินเพื่อประโยชน์สาธารณะได้ง่ายขึ้น แม้ว่าถูกคัดค้านจากพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค กฎหมายนี้ต้องการแก้ไขความไม่เสมอภาคด้านเชื้อชาติในการเป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อนานตลอด 3 ทศวรรษหลังจากที่มีการยุตินโยบายแบ่งแยกสีผิวในปี 2537 กฎหมายการเวนคืนกำหนดให้รัฐเวนคืนที่ดินได้ต่อเมื่อเข้าข่ายเกณฑ์บางอย่าง เช่น มีผู้ครอบครองอย่างไม่เป็นทางการมานาน ถูกปล่อยทิ้งร้าง หรือถูกถือไว้เพื่อเก็งกำไร.-814.-สำนักข่าวไทย