กรุงเทพฯ 30 ก.ย. – ประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะมีกฎหมายฉบับหนึ่งออกมา คือ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ…. เปิดทางให้มีการเรียกเก็บภาษีน้ำ ทั้งจากแม่น้ำ ลำคลอง บึง แยกเป็นถ้าใช้การเกษตร-เลี้ยงสัตว์ เก็บไม่เกิน 50 สตางค์ต่อ ลบ.ม. ธุรกิจสนามกอล์ฟ-ผลิตพลังงานไฟฟ้า เก็บไม่เกิน 3 บาทต่อ ลบ.ม. อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เก็บไม่ต่ำกว่า 3 บาทต่อ ลบ.ม.
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มีเรื่องให้ฮือฮาในวงกว้างอีกครั้ง เมื่อนายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ออกมาพูดถึงการแถลงถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ…. โดยกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ความเสี่ยงเรื่องทรัพยากรน้ำ รัฐบาลจึงต้องมีกลไกบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ที่รัฐบาลผลักดันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในขณะนี้ หากมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายจะอยู่ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
นายวรศาสน์ กล่าวต่อว่า การจัดสรรน้ำเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ ซึ่งระบบการจัดสรรน้ำจะสร้างสิทธิในการเข้าถึงน้ำสาธารณะที่หมายถึงแม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ ทั้งที่รัฐจัดสร้างหรือพัฒนาขึ้น เพื่อให้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม โดยกฎหมายได้กำหนดประเภทการใช้น้ำไว้ 3 ประเภทคือ
ประเภทที่ 1 ใช้นํ้าเพื่อการดำรงชีพ ไม่ต้องเสียค่าใช้นํ้า ประเภทที่ 2 ใช้นํ้าด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ เก็บค่าน้ำไม่เกิน 50 สตางค์ต่อ ลบ.ม. ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม สถานที่พักผ่อน ร้านอาหาร เก็บค่าน้ำ 1-3 บาทต่อ ลบ.ม. และธุรกิจสนามกอล์ฟ การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาสัมปทาน เก็บค่าน้ำไม่เกิน 3 บาทต่อ ลบ.ม.
ประเภทที่ 3 สำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ และกิจการอื่นๆ ที่ใช้น้ำในปริมาณมาก ตามมติ ของ กนช. เก็บค่าน้ำไม่ต่ำกว่า 3 บาทต่อ ลบ.ม.
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ คาดว่าในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะมีผลบังคับใช้กฎหมายร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ…. จากนั้นภายใน 180 วัน จะออกกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง กับ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนทั่วประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องอัตราการเก็บค่าน้ำ ก่อนจะออกเป็นกฎกระทรวง
สำหรับวิธีการคำนวณปริมาณน้ำแต่ละประเภทนั้น เบื้องต้นผู้ประกอบการที่เข้าข่ายเสียค่าน้ำจะต้องแจ้งมายังหน่วยงานว่าจะมีการใช้น้ำสาธารณะในปริมาณเท่าไร ซึ่งหน่วยงานภาครัฐจะมีวิธีการประเมิน ตรวจสอบอย่างเป็นธรรม แต่ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นยังไม่อยากพูดถึงวิธีการประเมินการใช้ปริมาณน้ำ ซึ่งมีรายละเอียดขั้นตอนอีกมาก. -สำนักข่าวไทย