กรุงเทพฯ 29 ก.ย.-งานวิจัยเศรษฐกิจของธนาคารกสิกรไทยระบุเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงที่พึ่งพิงภาคต่างประเทศอยู่มาก
ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังเปราะบาง ทั้งหนี้สินภาคครัวเรือนและการบริโภค
เสนอรัฐกำหนดมาตรการกระตุ้นการบริโภคและปรับโครงสร้างภาษี ลดภาระประชาชน
เพิ่มกำลังซื้อ
นายกอบสิทธิ์
ศิลปะชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจ และตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ระบุถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในภาพรวมในปีนี้
ว่า ในปี 2560
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประมาณการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.8 ในส่วนของภาคเอกชนเชื่อว่า ในปี 2561 เศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตต่อเนื่อง
GDP จะขยายตัวใกล้เคียงร้อยละ
4
อย่างไรก็ตามการเติบโตดังกล่าว พบว่ามาจากการขยายตัวที่พึ่งพิงภาคต่างประเทศ
ทั้งในด้านการส่งออกและการท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นความไม่สมดุลของเศรษฐกิจไทย
ในขณะที่ภาคการบริโภคในประเทศยังขยายตัวระดับต่ำ
ทำให้มีความเสี่ยงหากสถานการณ์โลกมีความผันผวน เช่น
เกิดภาวะสงครามที่ทำให้เศรษฐกิจการค้าโลก ชะลอตัว ก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไปด้วย
นอกจากนี้
ยังมีปัจจัยความไม่สมดุล เช่นปัจจุบัน สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทย อยู่ที่ประมาณร้อยละ
40 ต่อจีดีพี ถือว่าภาระหนี้ของประเทศไม่สูง
แต่เมื่อไปเปรียบเทียบกับภาระหนี้ต่อครัวเรือนของไทย ปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 80 ต่อจีพีดี ซึ่งภาระหนี้ต่อครัวเรือนที่สูงนี้
จะกระทบกับกำลังซื้อและบริโภคในประเทศได้
จึงเป็นโจทย์ให้รัฐบาลไปพิจารณา
ในระยะสั้น รัฐบาลคงมีมาตรการช็อปช่วยชาติออกมา เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
แต่ในระยะยาว อาจต้องใช้การปรับโครงสร้างทางภาษี เพื่อลดภาระของประชาชน
นำมาเพิ่มกำลังซื้อ
ส่วนภาวะการลงทุนของประเทศ โดยเฉพาะในปี 2561 ที่ปัจจุบันเอกชนให้ความสนใจ
ที่จะเข้าลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC อย่างไรก็ตามภาคเอกชนพบว่า
ไทยจะมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
ที่จะนำมาสู่พื้นที่อุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน นอกจากนี้
งานวิจัยเศรษฐกิจ และตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย
ยังระบุด้วยว่า ในด้านการเมืองนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเดินตามโรดแมป
จัดให้มีการเลือกตั้งในปีหน้า
ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของประเทศ.-สำนักข่าวไทย