20 ม.ค. – เอกชนชี้ “ทรัมป์ 2.0“ เขย่าโลก กังวลกำแพงภาษีส่งสินค้าจีนทะลักไทยพุ่ง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ประเมินสถานการณ์หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า ประเทศไทยและทั่วโลกจะต้องเผชิญความเสี่ยง 3 ด้านหลัก ได้แก่
- นโยบายกำแพงภาษีกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ อย่างน้อย 10-20% เพื่อกดดันให้ค่าเงินประเทศเหล่านั้นแข็งค่า ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเกินดุลการค้าลำดับ 12 ขณะที่จีนจะถูกตั้งกำแพงภาษี 60-100% รวมถึงมาตรการกีดกันการค้าทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี หรือ (Non-Tariff Barriers: NTB) รวมถึงการสั่งปราบปรามผู้ลักลอบเข้าประเทศ โดยประกาศเก็บภาษีเพิ่มอีก 25% จากประเทศเม็กซิโก แคนาดา และแถบประเทศละติน หากไม่สามารถจัดการปัญหาลักลอบเข้าประเทศได้
- “ทรัมป์ 2.0” จะเปลี่ยนระบบการค้าจากระบบ“พหุพาคี” เป็น “ทวิภาคี” เน้นการเจรจากับประเทศที่มีผลประโยชน์ ซึ่งภาคเอกชนและรัฐบาลไทยจะต้องร่วมมือกันเตรียม ล็อบบี้ ยิสต์ กับสหรัฐฯ
- ไทยจะต้องเผชิญความเสี่ยง ปัญหาสินค้าจีนล้นทะลัก ผ่านกลยุทธ์ “ต้นทุนต่ำ” (Cost Leadership) เนื่องจากไม่สามารถส่งสินค้าไปขายสหรัฐได้ จึงต้องหันมาทุ่มตลาดแถบตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ยังมองว่าปี 2568 มีโอกาสเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เพื่อรอประเมินความเสี่ยง อีกทั้งคาดกว่าปี 2568 World Bank และ IMF ปรับสมติฐานคาดการณ์ GDP โลกปี 2568 ลดลง 0.3% เหลือขยายตัว 2.4%. -517-สำนักข่าวไทย