ส.อ.ท. ชี้นโยบาย ทรัมป์ 2.0 กดดันเศรษฐกิจโลกหนัก

กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – “เกรียงไกร” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุ นโยบาย ทรัมป์ 2.0 กดดันเศรษฐกิจโลกหนัก ส่งผลให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจสูง


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึง “สถานการณ์โลกเรื่องพลังงาน หลังเลือกตั้ง USA” ในงานสัมมนา 2024 The Annual Petroleum Outlook Forum “Regenerative Thailand with Cleanergy : คิดนำ ล้ำหน้า ขับเคลื่อนอนาคตไทย ด้วยพลังงานสะอาด” ว่า การกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนโยบาย ทรัมป์ 2.0 Make America great agian กดดันเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจสูง จากความไม่แต่นอนในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ ทั้งยังเร่งให้เกิดการแบ่งขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจ ทำให้การค้าโลกชะลอตัว และเกิดการย้ายฐานการผลิตจากนโยบาย America First เกิดการแบ่งขั้วทางเทคโนโลยีการค้าจากการกลับมาของ Trede war and Tech war ระลอกใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิม ต้นทุนสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น จากการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และสินค้าจีนทะลักเข้ามาแข่งขันในตลาดอื่นมากขึ้น สหรัฐจะมีมาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มงวดขึ้นกับประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐ รวมทั้งอาจถูกกล่าวหาเป็นฐานผลิตของจีน และการแก้ไขปัญหาโลกร้อนชะลอออกไป เป้าหมาย Net zero อาจช้ากว่าที่กำหนด และอาจกลับไปสู่ยุคการแข่งขันด้านต้นทุน

ส่วนผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ ต่อประเทศไทย ด้านการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐ อันดับที่ 14 (สมัยทรัมป์เป็นประธานาธิบดี และขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 12 ในปัจจุบัน) ได้ดุลประมาณ 2 หมื่นล้าน แน่นอนไทยต้องถูกจับตา แต่นโยบายกีดกันการค้าจากจีน จะส่งผลให้ไทยและอาเซียน มีโอกาสดีในการส่งออกไปสหรัฐ ทดแทนสินค้าจีน แต่ขณะเดียวกันดอลล่าร์ที่แข็งค่า ทำให้ส่งออกไทยดี แต่ผู้นำเข้ามีต้นทุนสูงขึ้น และสินค้าจากจีนทะลักเข้ามาแข่งขันในไทยมากขึ้นเช่น รถไฟฟ้า ในส่วนของด้านการลงทุน เกิดการย้ายฐานการลงทุนเข้ามาไทยมากขึ้น


ในส่วนของด้านพลังงาน นโยบายเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่จะทำให้ต้นทุนต่ำลงที่ประมาณ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จะส่งผลกระทบต่อไทยในช่วงสั้นๆ ทำให้ราคาพลังงานมีแนวโน้มลดลงหรือคงที่ ทั้งในตลาดโลกและไทย นโยบายถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส จะส่งผลต่อไทยด้านบวกคือช่วยลดแรงกดดันต่อธุรกิจส่งออกไทยในระยะสั้นกับการปรับตัวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนด้านลบคือทิศทางของอุตสาหกรรมที่สนับสนุนด้านการใช้พลังงานสะอาด จะเกิดการชะลอตัวการดำเนินงานไปสู่เป้าหมาย  Carbon Neutrality และ Net Zero

นโยบายชะลอการดำเนินงานของ Inflation Reduction Actและการชะลอกฎหมาย Clean Competition Act จะส่งผลลบต่อไทยให้เกิดการชะตัวในการผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของไทย เสียโอกาสต่อการเพิ่มศักยภาพความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

นโยบายส่งเสริมนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) และโซลาร์เซลล์ แต่ลดการให้เงินอุดหนุนหรือการให้เครดิตภาษีการลงทุนในส่วนของ พลังงานลม ไฮโดรเจน และ CCS ซึ่งนโยบายนี้จะส่งผลดีเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมไทยในการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ ทดแทนส่วนที่สหรัฐฯ ต้องนำเข้าจากจีน และนโยบายเจรจาให้ยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะส่งผลดีต่อไทยให้มีซัพพลายมากขึ้น ทั้งในส่วนของน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปรับตัวลงในระยะสั้น


อย่างไรก็ตามไทยยังใช้โอกาสจาก Geopolitics ได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นไทยจึงต้องเร่งแก้โจทย์ให้ได้

“ทั่วโลกกำลังวิ่งไปสู่สีเขียว แต่เมื่อทรัมป์มาก็ต้องจับตาว่านโยบายด้านนี้ จะหัวกลับตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันสู่ความยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยต้องยั่งยืน และ ส.อ.ท.เองก็ยืนยันเดินหน้าสู่ Green ความยั่งยืน และเดินหน้าลดโลกร้อนต่อไป” นายเกรียงไกร กล่าว

นายเกรียงไกร ยังได้ย้ำถึงการเสนอรัฐบาลจัดตั้ง คณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาพลังงาน (กรอ.พลังงาน) ที่มีภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมสะท้อนข้อมูลจากภาคส่วนต่างๆ อย่างรอบด้าน ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการเสนอแนะนโยบาย แผนการบริหารและพัฒนามาตรการด้านพลังงานของประเทศ ต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พร้อมระบุที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอการจัดตั้งกรอ.พลังงาน มาอย่างต่อเนื่องในช่วงตลอด 2 ปี และจะกระทุ่งรัฐบาลต่อเนื่องจนกว่าจะจัดตั้ง กรอ.พลังงานได้สำเร็จ .-517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม