“สุริยะ” สั่งการ “คมนาคม” เปิดศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัย

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค.-“สุริยะ” รับนโยบาย “นายกฯ” อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงปีใหม่ 2568 “สะดวก – รวดเร็ว – ปลอดภัย” สั่ง “คมนาคม” เปิดศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัย บูรณาการข้อมูลการเดินทางด้วย CCTV จาก 8 หน่วยงาน 454 กล้อง พร้อมตั้งวอร์รูมรับหตุฉุกเฉิน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน และเชื่อมโยงทุกโหมดการเดินทาง ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้เกิดผลสัมฤทธิ์และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจ เดินทางด้วยความสะดวกปลอดภัยสู่จุดหมายปลายทาง นั้น กระทรวงคมนาคมได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดกำกับดูแลการเดินทางของประชาชนอย่างใกล้ชิด และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเน้นย้ำการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และที่สำคัญคือ ความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน


โดยกระทรวงคมนาคม ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม (ศปภ.คค.) เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางบนโครงข่ายคมนาคมช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ซึ่งจะบูรณาการกับหน่วยงานในสังกัดด้านข้อมูลการเดินทางด้วยระบบ CCTV จาก 8 หน่วยงาน 454 กล้อง ในทุกโหมดการเดินทาง เพื่อติดตามข้อมูลสภาพจราจรและความหนาแน่นของผู้โดยสาร และข้อมูลความปลอดภัย ประกอบด้วย การตรวจความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจติดตามข้อมูลการใช้ความเร็วของรถโดยสารสาธารณะ และระยะเวลาการทำงานของพนักงานขับรถ หากพบการขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่แสดงตนในการขับขี่ ขับเกินระยะเวลาที่กำหนด ระบบจะแจ้งไปยังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อให้แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้จัดการต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการสืบสวนอุบัติเหตุช่วงเทศกาล ซึ่งหากเกิดเหตุจะมีการบัญชาการเร่งด่วนผ่านระบบออนไลน์เพื่อบริหารจัดการเหตุอย่างทันท่วงทีโดยตั้งเป้าหมายจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ตลอดจนจำนวนรถโดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุลดลง 5% เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ในด้านการอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย ขบ. จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะชั่วคราว ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและป้องกันมิให้ผู้โดยสารถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะนำร่องระบบ “เช็กชัวร์ Ready to go” ยกระดับความเข้มงวดในการตรวจความพร้อมประจำวันก่อนปล่อยรถออกให้บริการ ตรวจสอบความพร้อมรถโดยสารและพนักงานขับรถ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอด Rest Area 13 จังหวัด และ Checking Point 26 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมย้ำให้ผู้ประกอบการแนะนำการปฏิบัติตนบนรถโดยสารกรณีฉุกเฉิน และการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยต่าง ๆ ในรถโดยสารสาธารณะอีกด้วย


ด้านกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้คืนผิวจราจรในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทุกโครงการ ให้สามารถเดินทางได้สะดวก ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย ตรวจสอบความพร้อมไฟฟ้าแสงสว่าง กล้อง CCTV และระบบสื่อสาร รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน ส่วนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เตรียมแผนบริหารจัดการเดินรถและเข้าใช้พื้นที่ชานชาลา ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 พร้อมจัดเตรียมรถโดยสารประจำทาง และรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถเสริม 30) ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ตลอดจนเพิ่มจุดจอดรถ บขส. ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สำหรับประชาชนที่จะเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีแดง

ส่วนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จัดตั้งหน่วยบริการประชาชนให้บริการฟรีตรวจเช็กเครื่องยนต์เบื้องต้น สอบถามเส้นทาง บริการน้ำดื่ม ที่ทางพิเศษเข้า – ออกกรุงเทพฯ 6 จุด นอกจากนี้ ได้จัดตั้งวอร์รูม ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 – 3 มกราคม 2568 เพื่อควบคุมสั่งการในการแก้ไขปัญหาการจราจรในทางพิเศษและอุบัติเหตุต่าง ๆ

ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพิ่มเที่ยวขบวนรถพิเศษในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออก เฉียงเหนือ และสายใต้ พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด CCTV ตามสถานีและบนขบวนรถทั่วประเทศ วัดระดับแอลกอฮอล์ของพนักงานก่อนปฏิบัติหน้าที่ และห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์บนขบวนรถ และบริเวณสถานีรถไฟอย่างเด็ดขาด รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยทั่วประเทศเพื่อรับแจ้งเหตุและประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป


ด้านกรมเจ้าท่า (จท.) จัดเตรียมแผนปฏิบัติการและมาตรการความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมออกคำสั่งจัดตั้งจุดอำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ทางน้ำประจำท่าเทียบ 79 จุด ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 และจัดชุดเจ้าหน้าที่กว่า 800 คน ปฏิบัติการคุมเข้มด้านความปลอดภัย การใช้เส้นทางสัญจรทางน้ำ ผู้ให้บริการเดินเรือโดยสาร ท่าเทียบเรือ และป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ

ในส่วนของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) คาดว่าจะมีผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยประมาณ 2.8 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 1.8 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 1 ล้านคน โดย ทอท. ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผู้โดยสารครบทุกด้าน ทั้งการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก จัดเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำการใช้บริการต่าง ๆ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเสริมศักยภาพการบริหารจัดการท่าอากาศยาน ด้านสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบค่าโดยสารเส้นทางภายในประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง และกำชับให้สายการบินรักษามาตรฐานการให้บริการ เรื่องความตรงต่อเวลาและระดับคุณภาพการให้บริการ ส่วนด้านความปลอดภัยจะมีการสุ่มตรวจระหว่างการปฏิบัติงานจริง ก่อนเที่ยวบินจะออกเดินทาง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้ใช้บริการ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง แจ้งเหตุ หรือร้องเรียนได้ที่

  • ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม โทร. 1356
  • ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ โทร. 1584
  • ศูนย์บัญชาการกรมทางหลวง โทร. 1586
  • ศูนย์ความปลอดภัยกรมทางหลวงชนบท โทร. 1146
  • ศูนย์รัชดา องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โทร. 1348
  • บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. 1490
  • การทางพิเศษแห่งประเทศไทย โทร. 1543
  • สายด่วนกรมเจ้าท่า โทร. 1199
  • ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โทร. 0 2716 4044
  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) : AOT Contact Center โทร. 1722
  • ศูนย์ประสานงานการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย โทร. 02-286 0506 .-513.-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ยอดตายแผ่นดินไหวเมียนมา

แผ่นดินไหวเมียนมา ตายเพิ่มเป็นกว่า 2 พันราย

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ทางภาคกลางของเมียนมาเมื่อวันศุกร์พุ่งทะลุ 2 พันราย ขณะที่ชาวบ้านในเมืองมัณฑะเลย์ ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว