ทำเนียบฯ 16 ธ.ค.-“เอกนัฏ” ไม่ทราบ “ทักษิณ” หมายถึงใคร เผยเป็น 1 ใน ครม. ที่หนุน พ.ร.ก. ภาษี 2 ฉบับ ลั่นอยู่การเมืองมานาน บางเรื่องเล็กน้อยต้องปล่อยไป ขอเดินหน้าเพื่อประโยชน์ประเทศ-ประชาชน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ยังสอดรับกันดีอยู่หรือไม่ ว่า วันนี้ทุกคนยังทำงานด้วยกัน ขับเคลื่อนไปด้วยกันเป้าหมายมีเป้าหมายเดียวกัน ตนในฐานะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจก็มองว่าประเทศไทยบอบช้ำมาจากสถานการณ์โควิด-19 ภาครัฐต้องทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนฟื้นเศรษฐกิจ ทำให้ความเป็นอยู่กับประชาชนดีขึ้น เพราะฉะนั้นภารกิจหนักขนาดนี้ หากมาทะเลาะคนเอง ใครจะว่ายังไงก็แล้วแต่ แต่สำหรับตนหากจะต้องทำงานร่วมกับใครเพื่อประโยชน์ส่วนรวมทำได้ทั้งหมด อย่างการที่ตนเดินสายไปที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับข่าวดี หลายบริษัทยืนยันยังลงทุนอยู่ในประเทศไทยและจะเพิ่มฐานการผลิตเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เมื่อกลับมาก็มีการไปคุยกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดในงานสัมมนาของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้หมายถึงพรรครวมไทยสร้างชาติใช่หรือไม่นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า สิ่งที่นายทักษิณจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลหวาดระแวงกันเองหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไปถามพรรคอื่นคงไม่ได้ แต่ถ้าถามตนในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอนอยู่ในการเมืองมานานไม่เคยหวั่นไหวอะไรอยู่แล้วเรามีโจทย์มีภารกิจที่สำคัญที่ต้องทำ บางเรื่องที่เล็กๆน้อยๆก็ต้องปล่อยมันไป สำคัญคืองานที่เราต้องทำให้กับประเทศในเวลานี้ และงานก็ยากอยู่แล้ว ต้องแข่งกับเวลา ทางที่ดีจับมือกันทำงานดีที่สุด
เมื่อถามว่าจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติมีกฎหมายสำคัญที่เห็นไม่ตรงกันเช่นเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ นายเอกนัฏ รีบตอบทันทีว่าในไหนๆก็ถามเรื่องนี้แล้ว ที่จริงในที่ประชุม ครม.สัปดาห์ที่แล้ว (11 ธ.ค) ตนอยู่ในที่ประชุมด้วย และตนก็เป็นรัฐมนตรีที่สนับสนุน พ.ร.ก. 2 ฉบับเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลในไทย โดยต้องเก็บภาษีจากบริษัทนิติบุคคลต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย ตามแนวทาง Global minimum tax ขององค์การเพื่อความร่วมมือ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เรามองว่าเป็นโอกาสสำคัญของประเทศและเกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมด้วยเพราะการเก็บ Global minimum tax เป็นไปตามพันธสัญญา ที่มีกับ OECD เมื่อเก็บมาแล้วรอช้าไม่ได้ เพราะถ้าเลยรอบภาษีนี้ก็ต้องรออีกไปหนึ่งปี ถ้าไม่วางเกณฑ์ให้ถูกต้องเราจะสูญเสียการลงทุนในประเทศ ไหนๆจะไปเสียที่อื่นแล้วก็มาเก็บในบ้านเรา เมื่อเก็บมาแล้วเงินก็จะไปใส่ในกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อนำเม็ดเงินไปต่อรองกับบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เมื่อรัฐให้สิทธิประโยชน์เสร็จแล้วจะช่วยธุรกิจของคนไทยอย่างไร จะให้มีการจ้างงานที่มีแรงงานทักษะสูง มีการส่งต่อเทคโนโลยีอย่างไร ตนได้พูดในที่ประชุมว่าตนสนับสนุนและมีข้อสังเกตส่วนตัวด้วย ในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมขอว่าการใช้เงินของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถใช้สิทธิประโยชน์ใหม่ซึ่งเป็นอาวุธอีกตัวนึง จากเดิมที่มีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีไปดึงนักลงทุนใหม่ๆเข้ามา แต่โจทย์สำคัญคือดึงมาแล้วต้องได้ดึงมาแล้วประเทศไทยต้องได้ประโยชน์คนไทยต้องได้ประโยชน์ อย่างที่บอกตนก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร และตัวเราเองก็ยังทำงานเต็มที่
ส่วนเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรมก็ยืนยันชัดเจนมาโดยตลอด เพราะเป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลต้องไม่สังฆกรรมกับพวกที่พยายามออกกฏหมายล้มล้างมาตรา 112 เพราะฉะนั้นเรื่องนี้นิรโทษกรรม ก็ต้องไม่เกี่ยวโยงกับมาตรา 112 เรื่องทุจริตเรื่องอาญาร้ายแรง เป็นจุดยืนที่แสดงไว้ตั้งแต่ต้นเท่าที่ทราบทุกพรรคร่วมรัฐบาล พรรคหลักอย่างพรรคเพื่อไทย ก็เคารพกับจุดยืนที่ได้สัญญากันไว้ตั้งแต่ต้น ตราบใดที่ยังเป็นแบบนี้ก็เดินหน้าทำงานกันต่อไม่มีปัญหาอะไร ต้องแยกกัน.-316.-สำนักข่าวไทย