“ภูมิธรรม” ประชุม กอ.รมน. เห็นชอบแผนงานภาคใต้

สวนรื่นฤดี 9 ธ.ค.- “ภูมิธรรม” นั่งหัวโต๊ะประชุม กอ.รมน. เห็นชอบแผนงานภาคใต้ เดินหน้าสานต่อนโยบายรัฐ เน้นย้ำ ช่วยเหลือปชช. ควบคู่รับมือภัยความมั่นคงให้ครอบคลุมทุกมิติ


พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน. ) เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมป้องกันสาธารณภัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม

การประชุมครั้งนี้เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ. ความมั่นคงฯที่ได้ระบุไว้ ในการให้คณะกรรมการฯ มีอํานาจหน้าที่กํากับ ให้คําปรึกษาและเสนอแนะต่อ กอ.รมน. ในการกำหนดแผนปฏิบัติงานตามอํานาจหน้าที่ของหน่วย


โดยการประชุมในช่วงต้นเป็นการบรรยายสรุปถึงผลการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคง ในปีงบประมาณที่ผ่านมา จากนั้นร่วมกันพิจารณาถึงแนวทางการปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ผลงานการขับเคลื่อนงานความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามบทบาทหน้าที่ใน พ.ร.บ.ฯ มีการบูรณาการขับเคลื่อนการเสริมสร้างความมั่นคงภายใต้แผนงาน “ตําบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ร่วมกับส่วนราชการกำหนด 1,154 ตําบลตามเป้าหมาย เพื่อมุ่งแก้ไขภัยคุกคามและพัฒนาให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากนี้ มีการดำเนินการจัดตั้งหมู่บ้านอาสาพัฒนาตนเอง จำนวน 55 หมู่บ้าน ใน 55 จังหวัด เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของหมู่บ้านให้มีความเข้มแข็งรักในถิ่นฐาน พร้อมเป็นส่วนร่วมในการพัฒนาและป้องกันตนเองในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

การแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ โดย นรม. ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ได้มีบัญชาให้ กอ.รมน. เสริมการปฏิบัติของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติด จึงได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดน (นบ.ยส.) ในพื้นที่ภาคเหนือ (นบ.ยส.35) รับผิดชอบพื้นที่ 18 อำเภอ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน และตาก มีผลการสกัดกั้นจับกุมยึดของกลาง ยาบ้า 260,397,423 เม็ด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) รับผิดชอบพื้นที่ 25 อำเภอ ของจังหวัดนครพนม เลย หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี สกัดกั้นยึดของกลาง ยาบ้าได้ 35,569,479 เม็ด ทั้งนี้รวมทั้งสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ได้แก่ ไอซ์ เฮโรอีน ฝิ่น และคีตามีน รวมถึงจะในปี 68 จะมีการจัดตั้งหน่วย นบ.ยส.17 เพิ่มเติม เพื่อป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกใน 5 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรีต่อไป


สำหรับการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในปีงบประมาณที่ผ่านมา กอ.รมน. ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนนโยบาย ได้แก่ 1.การจัดระเบียบคนไร้ที่พึ่ง ซึ่ง กอ.รมน. ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขและช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง เตรียมจัดตั้งบ้านอิ่มใจรองรับและดูแลคนไร้ที่พึ่งได้ 200 คน และจะร่วมกันดูแลด้านสวัสดิการ สังคม สุขอนามัย และการฝึกอาชีพต่อไป 2.การบริหารจัดการที่ดินของกองทัพให้ประชาชนใช้ประโยชน์ กอ.รมน. บูรณาการร่วมกับ กระทรวงกลาโหม (กห.) และเหล่าทัพ มอบพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ไปดำเนินการจัดสรรให้ประชาชนเช่าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ทั้งในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ปัจจุบันมีประชาชนได้รับสิทธิในที่ดินทำกินและอยู่อาศัย เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 55,180 ไร่เศษ 3.การดำเนินการเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทหารกองประจำการแบบสมัครใจ กอ.รมน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าสร้างแรงจูงใจ การส่งเสริมการศึกษาอาชีพ โดยจะดำเนินการศึกษาแนวทางการขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทน สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ตลอดจนสิทธิ์ในการเข้ารับราชการใน กห. เหล่าทัพ และกระทรวงต่าง ๆ ต่อไป 4.การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้บูรณาการร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการวางแผน อำนวยการและบูรณาการ การป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่รับผิดชอบและพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดให้ครอบคลุม ซึ่งพบว่าจุดความร้อนสะสม พื้นที่เผาไหม้สะสม และค่าฝุ่นละอองลดลงเมื่อเทียบกับห้วงปีที่ผ่านมา 5.นโยบาย “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” กอ.รมน. บูรณาการร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย สำรวจความเดือดร้อนของประชาชน ในพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัด (ตราด จันทบุรี อุทัยธานี อุดรธานี น่าน เชียงใหม่ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด) โดยจะเสนอโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเร่งด่วน 71 โครงการ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ 17,215 ครัวเรือน (49,105 ราย)

นอกจากนี้ กอ.รมน. ได้บูรณาการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ร่องน้ำทะเลสาบสงขลาที่มีการใช้เครื่องมือประมงประเภทโพงพาง ส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตของสัตว์น้ำและทำให้เกิดอุบัติเหตุในการสัญจรทางเรือหลายครั้ง ปัญหาดังกล่าวมีความซับซ้อนเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน กอ.รมน.ภาค 4 จึงได้บูรณาการแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา และจะเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมต่อไป

แนวทางการเพิ่มบทบาทข้าราชการพลเรือน ปัจจุบัน กอ.รมน. กำหนดแนวทางเพื่อเพิ่มบทบาทข้าราชการพลเรือน ลดสัดส่วนของทหาร รวมถึงการกำหนดอัตรากำลังใน กอ.รมน. ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจในปัจจุบันและอนาคตของประเทศ

สำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กอ.รมน. ได้นำเสนอเรื่องแนวทางการดำเนินการ โดยให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบและมีมติให้ ผอ.รมน.ภาค 4 เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก ผอ.รมน. ดำเนินการ ประกอบด้วย การปรับโครงสร้าง อัตรากำลัง และแผนเสริมสร้างสันติสุข ของ จชต. เนื่องจากปัจจุบัน สถานการณ์ใน จชต. ในภาพรวมเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ สถิติความเสียหายต่อทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นำไปสู่การยกเลิกพื้นที่ประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นรายอำเภอ จึงมีการปรับลดอัตรากำลังพล จำนวน 178 อัตรา คงเหลือ 49,735 อัตรา ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมการถ่ายโอนภารกิจให้แก่ อส.จชต. ในปี 2570 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาถึงแนวทางแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2568 ที่ปรับให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น มีประชาชนเป็นจุดสมดุล โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพแผนงานหลักในการวางแผน เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหา จชต. เป็นไปอย่างประสานสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งภายหลังจากคณะกรรมการให้ความเห็นชอบ และ ผอ.รมน. ได้ลงนามในคำสั่งแล้ว จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้มีการร่วมกันพิจารณาแผนปฏิบัติการความมั่นคงรองรับพื้นที่ประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 สืบเนื่องจากที่ ครม. มีมติให้ปรับลดพื้นที่ 19 อำเภอใน 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงฯ เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ จชต. เป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้น โดยจะมุ่งเน้นการดำเนินงานตามมาตรา 21 พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ พ.ศ. 2551 เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในคดีความมั่นคง สามารถกลับใจและเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ เป็นกลไกหนึ่งในการนำไปสู่กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ ผอ.รมน.ภาค 4 เป็นผู้รับมอบอำนาจและดำเนินการ

โดยที่ประชุมได้รับทราบถึงผลการปฏิบัติงาน และเห็นชอบในการดำเนินการตามที่เสนอ ซึ่งในโอกาสนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นรม./ประธานคณะกรรมการฯ ได้กล่าวขอบคุณการทำงานของ กอ.รมน. ในห้วงที่ผ่านมา และเน้นย้ำเรื่องการส่งเสริมการปฏิบัติงานแบบบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงตามเป้าหมาย “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข” และขอขอบคุณคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่ช่วยกันพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการดำเนินงานของ กอ.รมน. โดยในวันที่ 23 ธ.ค. 67 จะมีการจัดงานสรุปผลการดำเนินงานปี 2567 และแถลงแผนการปฎิบัติงานของ กอ.รมน. ในปี 2568 โดยในวันดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานให้กับ กอ.รมน.ส่วนกลาง กอ.รมน.ภาค และกอ.รมน.จังหวัด รวมถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. เร่งสกัดลักลอบส่งกัญชาไปอังกฤษ ฝึกเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานไทยตรวจค้นกัญชา

ป.ป.ส. เร่งสกัดลักลอบส่งกัญชาไปอังกฤษ ฝึกเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานไทยตรวจค้นกัญชา

พปชร. ขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัส​ ยันไม่มีข้อแลกเปลี่ยน

พปชร. ขับ 20 สส.ก๊วน​ผู้กองธรรมนัส​ พ้นพรรค​ อ้าง อุดมการณ์ไม่ตรงกัน​ ยันจากกันด้วยดี​ ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนกับคดีคนใกล้ชิด​ “ลุงป้อม” ถูกกล่าวหา​ ภูนับดาว​ เตรียมเสนอที่ประชุมร่วม​กก.บห.-สส. ลงมติพรุ่งนี้

ผู้เสียหายร้องกองปราบฯ หวั่นไม่ปลอดภัย ถูก สส.พรรคใหญ่ ขับรถตามถึงหน้าบ้าน

ผู้เสียหายร้องกองปราบฯ หวั่นความปลอดภัย ถูก สส.ปทุมธานี พรรคใหญ่ ขับรถติดตามผู้เสียหายถึงหมู่บ้าน หลังโดนผู้เสียหายขับรถแซงเพราะคู่กรณีขับรถช้าแช่ขวา

ปิดพื้นที่เสี่ยง! หลังช้างป่าทำร้ายนักท่องเที่ยวบนภูกระดึงดับ 1

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งปิดพื้นที่เสี่ยง เส้นทางน้ำตกเพ็ญพบใหม่ หลังช้างป่าทำร้ายนักท่องเที่ยว บนภูกระดึง เสียชีวิต 1 ราย พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและช่วยเหลือครอบครัวเต็มที่

ข่าวแนะนำ

บอร์ดไตรภาคี ยังไม่เคาะข้อสรุปขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

บอร์ดไตรภาคี ยังไม่เคาะข้อสรุปขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ปลัดแรงงาน เผยเหตุจากรายงานตัวเลข 77 จังหวัด มีรายละเอียดมากและสถานการณ์สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันก็เปลี่ยนไป ทำให้ต้องศึกษาตัวเลขรอบคอบ นัดประชุมอีกครั้ง 23 ธ.ค.นี้

แถลงผลงานรัฐบาล

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน มั่นใจนโยบายปี 68 เกิดขึ้นได้จริง

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน พร้อมมอบนโยบายปี 68 มั่นใจเกิดขึ้นได้จริงเป็นรูปธรรม เตรียมดันการศึกษาไทยไปเรียนรู้ต่างประเทศ ยันเงินหมื่นเฟส 2 ได้แน่ช่วงตรุษจีน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเกิดขึ้นแน่ ผุดโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ผ่อน 4,000 บาท 30 ปี อยู่ยาว 99 ปี ย้ำทุกคนคือทีมเดียวกัน

ประธานาธิบดีเกาหลีใต้

ผู้นำเกาหลีใต้ประกาศสู้จนถึงที่สุด

ประธานาธิบดียยุน ซอก ยอล ของเกาหลีใต้กล่าววันนี้โจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาและกล่าวปกป้องการตัดสินใจประกาศใข้กฎอัยการศึก ซึ่งถูกบังคับใช้ไม่นานก่อนที่จะยกเลิกไป

ซ้อมผู้ป่วยตาย

2 จนท.รพ.ซ้อมผู้ป่วยตายรับทราบข้อหา ลั่นไม่ได้เจตนา

2 เจ้าหน้าที่ รพ. ทำร้ายผู้ป่วยบำบัดเหล้าเสียชีวิต เข้ารับทราบข้อหา ลั่นไม่ได้เจตนา แค่ต้องการหยุดคนไข้ ด้านตำรวจแจ้งข้อหาหนัก