กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – “ธนวรรธน์” ประเมิน แจกเงินหมื่นผู้สูงอายุตรุษจีน มีเงินหมุน 20,000- 30,000 ล้านบาท ส่วนแนะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี “ช้อปดีมีคืน” เหตุคนพร้อมใช้จ่าย ชี้ไทยเสี่ยงเจอเทรดวอร์ (Trade War) ไตรมาส 1-2 ปีหน้า เร่งสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวถึง โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ ที่รัฐบาลคาดว่ามีจำนวน 4 ล้านคน เท่ากับจ่ายเงินราว 40,000 ล้านบาท มองว่าเป็นนโยบายที่ดีสอดคล้องกับความเห็น ของหลายหลายฝ่ายที่อยากให้รัฐบาลใช้เงินกับกลุ่มเปราะบาง แต่ยังใช้เงินไม่เต็มจำนวนที่เหลืออีก 3 แสนล้านบาท จากจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตทั้งหมด เพื่อสงวนงบประมาณแผ่นดินและเปิดพื้นที่ในการใช้เหตุอื่นๆ และยังมีเงินเก็บเพื่อป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมไปถึงความเสี่ยงจากสงคราม ทั้งนี้ ประเมินว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับเงิน 10,000 บาท จะนำไปเป็นเงินเก็บราว 20% ที่ถูกเก็บ ส่วนช่วงเวลาการจ่ายเงินในช่วงตรุษจีน ปีหน้า จะถูกนำไปใช้ในช่วงแรกประมาณ 60% ของวงเงิน โดยจะมีเงินหมุนอย่างน้อย 20,000- 30,000 ล้านบาท ส่วนแจก 10,000 บาทเฟสแรก เห็นตัวเลขถูกนำมาใช้จ่ายหนี้ในระบบเพิ่มขึ้นแล้ว
แม้หลายฝ่ายประเมินว่าภาคส่งออกและการท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลให้จีดีพีของไทยขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม มองว่ารัฐบาลควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเจอกับเทรดวอร์ (Trade War) ในช่วงไตรมาสที่ 1 -2 ของปีหน้า จึงควรสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้บริโภคพร้อมใช้จ่ายช่วงปีใหม่ จึงอาจมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น ช้อปดีมีคืน ที่สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะทำให้มีการใช้จ่ายในระบบอย่างน้อย 30,000 -50,000 ล้านบาท ที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วง ปีใหม่ โดยที่รัฐบาลไม่ต้องใช้เงินงบประมาณ แต่จะทำให้สูญเสียรายได้จากภาษีราว 7,000 – 10,0000 ล้านบาท
ขณะที่มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนที่สนอแนวทางให้พักการชำระดอกเบี้ยชั่วคราว 3 ปี โดยข้อมูลของลูกหนี้ดังกล่าวจะยังถูกรายงานต่อเครดิตบูโร สมาคมธนาคารไทยผ่านหลักการแล้ว โดยรอการะทรวงการคลังประกาศอย่างเป็นทางการ นั้น มองว่าจะเกิดประโยชน์ กับ เอสเอ็มอีที่ค้างชำระหนี้ ไม่กลายเป็นหนี้เสีย (NPL) แม้ว่าจะถูกรายงานต่อเครดิตบูโร หากมีการรักษาวินัยในการจ่ายหนี้ ก็สามารถต่อสินเชื่อได้ ทำให้ SMS กลับมาลืมตาอ้าปาก ทุนในช่วงที่รอการฟื้น ฟื้นธุรกิจ ซึ่งไม่ได้ใช้งบประมาณรัฐ
ขณะที่ภาคการเกษตรที่กำลังจะเก็บเกี่ยวข้างวในเดือนพฤศจิกายนนี้ หากชาวนาขายข้าวได้ในราคา 10,000-13,000 บาทต่อตัน เศรษฐกิจในต่างจังหวัด น่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้น และหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ที่ต้องรอดูว่าอาจจะเป็นไตรมาสที่ 1-2 ปี 2568 ซึ่งสอดรับกับช่วง เทรดวอร์ ถือเป็นช่วงจังหวะที่ดี และใช้วงเงินไม่สูง ประมาณ 10,000 – 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ไทยมีเพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ 70% ของจีดีพี หรือประมาณ 20 ล้านล้านบาท ขณะนี้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 65% ของจีดีพี รัฐบาลยังมีพื้นที่ใช้เงินในการดูแลตามงบประมาณ ยังสามารถกู้มาเติมได้อีก 1 ล้านล้านบาท ถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ควรจะหาความท้าทายทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าขยายตัวเกิน 3% เพื่อสร้างโมเมนตัมให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้โดดเด่น และน่าสนใจ เนื่องท่ามหลายประเทศมีอัตตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า 4 %.-516-สำนักข่าวไทย