จี้รัฐบาลตอบ แจกเงินหมื่นเฟสแรก กระตุ้นศก.ได้จริงหรือไม่

20 พ.ย. – ไทยสร้างไทย จี้รัฐบาลตอบ แจกเงินหมื่น เฟสแรก 1.45 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ ได้จริงหรือไม่ เชื่อฝืนเดินหน้า แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำต่อเฟส 2-3 สุ่มเสี่ยงสร้างความเสียหายทางการคลังระยะยาว เชื่อคนกลุ่มใหญ่ อาจได้รับเงินหมื่นปี 69 เพื่อหวังคะแนนนิยม ก่อนเลือกตั้ง


นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ออกมา ซึ่งใช้งบประมาณอีก 40,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเติมเงินได้ไม่เกินช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2568

นายวรวุฒิ เห็นว่า ก่อนที่รัฐบาลฯจะดำเนินการโครงการต่อ ควรให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลในเฟสแรก ที่มีการเติมเงิน 10,000 บาท สู่ประชาชน 14.5 ล้านคน รวมเป็นเงินกว่า 145,000 ล้านบาทแล้วนั้น มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่อย่างไร สามารถก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรฐกิจตามที่รัฐบาลเคยพูดไว้ได้หรือไม่ ขณะเดียวกันการแจกเงินก็ไม่ได้เป็นรูปแบบของดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะสร้างนวัตกรรมทางการเงินของโลกอนาคตตามที่ได้ประกาศไว้ ทั้งเฟสที่1และเฟสที่2


“ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ว่าจะเฟสไหน คือการการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และตลอดการดำเนินนโยบาย โครงการถูกเลื่อนมาตลอด ไม่มีความชัดเจน มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและข้อกำหนดหลายครั้ง ต่างจากนโยบายที่หาเสียงไว้ ท้ายที่สุดโครงการนี้ อาจเป็นโครงการแจกเงินแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และเชื่อว่าการแจกเงินกลุ่มใหญ่ที่เหลือในเฟสสาม อาจเกิดขึ้นปี 2569 ก่อนการเลือกตั้ง ปี 70 ซึ่งสะท้อนถึงเจตนาเพื่อหวังผลทางการเมืองและคะแนนเสียง มากกว่าเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นกลับมา” นายวรวุฒิ กล่าว

นายวรวุฒิ กล่าวด้วยว่า โครงการเติมเงินหมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้กลุ่มเปราะบางในเฟสแรก ส่งผลดีต่อการบรรเทาความเดือนร้อน แต่ยังไม่ทราบถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ดังนั้นก่อนที่จะมีมติให้ดำเนินการในเฟสต่อๆไป ควรมีการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจพร้อมมีแถลงการณ์ออกมาให้ชัดเจนเสียก่อน

นายวรวุฒิ ระบุด้วยว่าหากรัฐบาล ยังฝืนเดินหน้าโครงการเพียงหวังแค่คะแนนเสียงล่วงหน้าสำหรับปี 2570 แต่โครงการไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลเคยพูดไว้ ก็ขอให้รัฐบาลเตรียมวิธีการรับผิดชอบ ต่อความผิดหวังของประชาชน และความเสียหายทางการคลังระยะยาวไว้ด้วย .-319-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดยื้อ! ด.ช.5 ขวบ น้ำหนัก 50 กก. อาหารติดคอดับ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจเด็กชายวัย 5 ขวบ น้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาหารติดคอ แต่สุดยื้อ เสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

เจอร่างใต้ตึกถล่ม

เจออีก 4 ร่างใต้ซากตึกถล่มโซน C จ่อนำเครนยักษ์เปิดพื้นที่

กู้ภัยเจอ 4 ร่างผู้สูญหายตึกถล่ม โซน C รอส่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เตรียมนำเครนเข้ายกแผ่นปูนขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่มากขึ้น

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

ปิดฉาก “มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ยอดจองพุ่ง 7.9 หมื่นคัน โต 44.8%

ยอดจองรถยนต์ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” รวมทุกเซกเมนต์โตพุ่ง 44.8% หรือคิดเป็น 79,941 คัน โดยเป็น EV 65% ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 1.6 ล้านคน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเลื่อน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเห็นตรงกันเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน หลังมีเรื่องด่วนกว่า ต้องจัดลำดับความสำคัญ แต่ไม่ถอนการพิจารณาในสภา บอกการเมืองบิดเป็นกาสิโน ลั่นผู้นำสไตล์ “แพทองธาร” พรรคร่วมต้องเห็นด้วยอย่างเต็มใจ

“คะน้า” แจ้งความเอาผิดไฮโซเก๊ หลอกจ่ายค่าแชมเปญ

“คะน้า” ดาราสาว แจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดีกับอดีตแฟนหนุ่ม ข้อหาฉ้อโกง หลังหลอกให้จ่ายค่าแชมเปญ 98,000 บาท เพื่อเป็นของขวัญ

ตึกสตง.ถล่ม

เข้าสู่วันที่ 12 นำออกได้อีก 4 ร่าง ภารกิจค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม

หลังดีเอสไอรับคดีตึก สตง.ถล่ม เป็นคดีพิเศษ วันนี้ (8 เม.ย.) กรรมการคดีพิเศษได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์และหารือแรงงานที่เกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน เพื่อใช้ในคดีกับผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ขณะที่ กทม. ยืนยันใช้แผนเดิมในการรื้อถอนอาคาร โดยวันนี้จะพยายามตัดยอดส่วนบนให้ได้ 5 เมตร เพื่อหาร่างผู้ติดอยู่ในโซน B และ C